ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์

Teaching Legacy Letter
*First Published: 2019
*Last Updated: ธันวาคม 2025
10 min read
ในจดหมายคำสอนชุด “พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้ใด?” นี้ วัตถุประสงค์ของเรา คือ การเพิ่มพูนความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและผลกระทบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา คำสอนของเดือนนี้มุ่งเน้นไปที่ของประทานอันน่าอัศจรรย์ซึ่งมีให้สำหรับเราแต่ละคนในฐานะผู้เชื่อผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์
ในตอนต้นของคำสอนชุดนี้ ผมได้ชี้ให้เห็นว่า คนรับใช้ของอับราฮัมผู้ที่ได้พบเจ้าสาวของอิสอัคนั้น เป็นแบบอย่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในเรื่องนั้น เมื่ออับราฮัมได้ส่งคนรับใช้ของท่านจากคานาอันไปยังปัดดานอารัมเพื่อหาเจ้าสาวให้กับอิสอัคนั้น คนรับใช้ได้นำอูฐสิบตัวบรรทุกของกำนัล รวมทั้งอัญมณีอันล้ำค่าไปด้วย
เมื่อคนรับใช้ได้พบหญิงสาวผู้ที่จะเป็นเจ้าสาวของอิสอัคแล้ว การกระทำแรกของเขา คือ การสวมอัญมณีประดับจมูกอันโดดเด่นบนใบหน้าของเธอ การยอมรับของกำนัลนี้ หมายความว่า เรเบคาห์ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะเป็นเจ้าสาวของอิสอัค
หากเธอปฏิเสธของกำนัลนั้น ก็เท่ากับว่าเธอได้ปฏิเสธและดูหมิ่นอิสอัค ซึ่งเป็นการตัดโอกาสที่เธอจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา ในทำนองเดียวกัน สำหรับปัจจุบันนี้ พระเจ้าได้ทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์มาพร้อมกับการจัดเตรียมอันบริบูรณ์สำหรับเจ้าสาวของพระเยซู พระบุตรของพระองค์ นั่นคือ คริสตจักร การจัดเตรียมนั้นรวมถึงของประทานฝ่ายวิญญาณที่งดงามเก้าประการด้วย การยอมรับของประทานเหล่านี้ เป็นเครื่องหมายว่า คริสตจักรได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์
ของประทานที่เหนือธรรมชาติเก้าประการ
ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งเก้าประการได้ถูกบันทึกไว้ใน 1 โครินธ์ 12:8–10 เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่แท้จริง ผมขอเสนอการแปลตามตัวอักษรดังนี้ คือ :
- ถ้อยคำแห่งปัญญา
- ถ้อยคำแห่งความรู้
- ความเชื่อ
- การรักษาโรคต่างๆ
- การทำการอัศจรรย์ (แปลตามตัวอักษร คือ ฤทธิ์อำนาจ)
- การพยากรณ์ (การเผยพระวจนะ)
- การวินิจฉัยวิญญาณ (การสังเกตวิญญาณ)
- ชนิดของการพูดภาษาต่างๆ (ภาษาแปลกๆ)
- การแปลภาษาต่างๆ (ภาษาแปลกๆ)
ของประทานทั้งหมดเหล่านี้เป็น "การสำแดง" เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นไม่สามารถมองเห็นได่ แต่โดยผ่านของประทานเหล่านี้ พระองค์ทรงแตะต้องประสาทสัมผัสของเราในรูปแบบที่เราสามารถมองเห็น, ได้ยิน หรือรู้สึกได้
ของประทานเหล่านี้ทั้งหมดมีไว้ “...เพื่อประโยชน์ร่วมกัน” (1 โครินธ์ 12:7 ฉบับมาตรฐาน) คริสเตียนสามารถรับใช้ซึ่งกันและกันโดยผ่านของประทานเหล่านี้ ของประทานเหล่านี้ล้วนมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในทางปฏิบัติ เป็นเครื่องมือ มิใช่ของเล่น ของประทานเหล่านี้ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติ มิใช่ผลที่เกิดขึ้นจากความสามารถตามธรรมชาติ หรือการศึกษาพิเศษแต่อย่างใด
มีให้สำหรับทุกคน
มักมีการกล่าวอ้างว่าของประทานเหล่านี้ถูกถอนออกไปเมื่อสิ้นยุคของอัครทูต และไม่มีให้ใช้แล้วในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เปาโลขอบคุณพระเจ้าสำหรับคริสเตียนที่เมืองโครินธ์เพราะ “ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้ขาดของประทานเลย ในขณะที่ท่านรอคอยการปรากฎของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (1 โครินธ์ 1:7 ฉบับมาตรฐาน - ผุ้แปล) ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนว่า คริสเตียนถูกคาดหวังให้ใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณต่อไปจนกว่าพระคริสต์จะเสด็จกลับมา
ของประทานสองประการแรกที่เปาโลกล่าวถึง คือ ถ้อยคำแห่งปัญญา และถ้อยคำแห่งความรู้ ซึ่งทำงานสัมพันธ์กันในทางปฏิบัติ กล่าวคือ ถ้อยคำแห่งความรู้ทำให้เรารู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์หนึ่ง จากนั้นถ้อยคำแห่งปัญญาก็แสดงให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราจัดการกับสถานการณ์นั้นอย่างไร
ของประทานบางอย่างอยู่ในรูปของพหูพจน์ทั้งสองส่วน (คือ สองส่วนของคำที่ประกอบกันเป็นชื่อของของประทาน - ผู้แปล) เช่น ของประทานการรักษาโรคต่างๆ, การทำการอัศจรรย์นานาประการ, การวินิจฉัยวิญญาณประเภทต่างๆ และชนิดของการพูดภาษาต่างๆ สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการรักษาโรคแต่ละครั้ง, การทำการอัศจรรย์แต่ละครั้ง, การวินิจฉัยวิญญาณแต่ละครั้ง และการพูดภาษาใดภาษาหนึ่งแต่ละครั้งนั้นล้วนเป็นของประทาน หากของประทานอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏอย่างสม่ำเสมอผ่านบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เราอาจกล่าวได้ว่าบุคคลนั้นมีของประทานนั้น
ได้รับมา – มิใช่ได้มาด้วยการกระทำของตนเอง
สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำ คือ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้า เราได้รับสิ่งเหล่านี้มาโดยความเชื่อ เราไม่สามารถได้สิ่งเหล่านี้มาด้วยการกระทำของเราเอง และเราไม่สามารถ “ดีพอ” ที่จะใช้ของประทานเหล่านี้
ในปี ค.ศ. 1941 ช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง ผมได้พบกับพระเยซูคริสต์ในห้องพักทหารของกองทัพอังกฤษ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้าที่ทรงพลังและเปลี่ยนแปลงชีวิต ประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในห้องพักทหารห้องเดิม ผมได้พูดภาษาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเป็นครั้งแรก หลังจากนั้น โดยที่ไม่คาดคิดผมก็เริ่มพูด “คำแปล” ออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่ไพเราะราวกับบทกวี ซึ่งเป็นโครงร่างแผนงานของพระเจ้าสำหรับชีวิตและพันธกิจของผม และได้สำเร็จเป็นขั้นเป็นตอนตลอดช่วงชีวิตของผม
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 ถึงปี ค.ศ. 1961 ผมได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยฝึกหัดครูสำหรับครูชาวแอฟริกัน ที่ประเทศเคนยา ในช่วงเวลานั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เสด็จเยือนวิทยาลัยของเราด้วยอำนาจสูงสุดของพระองค์ ในการประชุมกับนักศึกษาของผม ผมได้เห็นของประทานทั้งเก้าประการของพระวิญญาณปรากฎและทำงานท่ามกลางพวกเราในวาระต่างๆ กัน และผมยังได้เห็นนักศึกษาของผมสองคนฟื้นขึ้นจากความตายในโอกาสที่แตกต่างกัน และภายหลังเขาทั้งสองได้เป็นพยานถึงสิ่งที่พวกเขาได้ประสบขณะที่วิญญาณของพวกเขาออกจากร่างของพวกเขา
การทำการอัศจรรย์
ต่อมาในประเทศอเมริกา ผมได้รับ "ของประทาน" โดยที่ไม่คาดคิด สำหรับการรับใช้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับขา ขณะที่ผมให้พวกเขานั่งเก้าอี้และจับเท้าของพวกเขาไว้ในมือของผม ขาที่สั้นกว่าก็ยาวออกมาต่อหน้าต่อตา และพวกเขาก็หายดี อย่างไรก็ตาม มีบางคนแนะนำว่านี่ไม่ใช่งานรับใช้ที่เหมาะสมสำหรับครูสอนพระคัมภีร์ที่ทรงเกียรติและรอบรู้ ผมจึงตัดสินใจทูลถามพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรู้สึกว่าพระองค์ตรัสตอบผมว่า “เราได้ให้ของประทานนี้แก่เจ้า มีสองสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้ คือ เจ้าสามารถใช้ของประทานที่ได้รับและได้รับมากขึ้น หรือเจ้าสามารถละเลยการใช้ของประทานนี้และสูญเสียไป” จากนั้นผมก็ตัดสินใจใช้สิ่งที่พระเจ้าประทานให้ผมต่อไป และผมก็ได้รับมากขึ้นจริงๆ
บางครั้งผมเคยเห็นขาที่สั้นกว่ายาวออกมามากถึงสองนิ้ว นอกจากนี้ การปลดปล่อยฤทธิ์อำนาจอันเหนือธรรมชาติของพระเจ้าในลักษณะนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการอัศจรรย์อื่นๆ อีกด้วยเช่น ในสถานที่แห่งหนึ่ง แม้ว่าไม่มีการอธิษฐานพิเศษใดๆ แต่มีชายคนหนึ่งได้รับการรักษาให้หายจากอาการป่วยร้ายแรงสามประเภท และยังหายจากการเสพติดนิโคตินด้วย
ผมจำได้ถึงหญิงคนหนึ่งผู้ที่มาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่งในมือของเธอ และส้นรองเท้าข้างหนึ่งที่เสริมสูงขึ้น 1 นิ้วครึ่ง เมื่อผมจับเท้าทั้งสองข้างของเธอไว้ในมือของผม ขาข้างที่สั้นของเธอก็ยาวออกมา 1 นิ้วครึ่ง หลังจากนั้นเธอก็เปิดถุงกระดาษและหยิบรองเท้าคู่ใหม่ที่มีส้นปกติออกมา ซึ่งเธอใส่ได้พอดี ในที่สุดผมตัดสินใจว่า ชื่อตามพระคัมภีร์สำหรับของประทานของผม คือ “การทำการอัศจรรย์ (ฤทธิ์เดช)”
ข้อจำกัดของของประทานฝ่ายวิญญาณ
เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่ได้เห็นและเล่าถึงวิธีการที่ของประทานฝ่ายวิญญาณของพระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงออกมา อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจว่ามีข้อจำกัดที่แน่นอนสำหรับสิ่งที่เราสามารถคาดหวังได้จากของประทานฝ่ายวิญญาณ
ประการแรก ของประทานฝ่ายวิญญาณถูกจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะในชีวิตนี้ กล่าวคือ เมื่อพูดถึงของประทานการพยากรณ์ (การเผยพระวจนะ), การพูดภาษาต่างๆ (การพูดภาษาแปลๆ) และถ้อยคำแห่งความรู้ เปาโลกล่าวว่า:
“..แม้คำพยากรณ์จะเสื่อมสูญไป แม้การพูดภาษาต่าง ๆ นั้นก็จะมีเวลาเลิกไป แม้ความรู้ก็จะเสื่อมสูญไป เพราะที่เรารู้นั้นก็รู้แต่ส่วนหนึ่ง และที่เราพยากรณ์นั้นก็พยากรณ์แต่ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึง ความบกพร่องนั้นก็จะสูญไป” (1 โครินธ์ 13:8-10 ฉบับคิงเจมส์)
ขณะนี้เรายังอยู่ในยุคที่ "ไม่สมบูรณ์" แต่เมื่อเราผ่านพ้นจากกาลเวลาไปสู่นิรันดร์กาล และสวมกายที่ฟื้นคืนชีพของเราแล้ว เราจะไม่ต้องการพระพรเพียงบางส่วน หรือพระพรที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งมาถึงเราผ่านทางการพูดภาษาต่างๆ หรือการพยากรณ์ หรือถ้อยคำแห่งความรู้อีกต่อไป หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับของประทานอื่นๆ ด้วย เช่น การรักษาโรคหรือการอัศจรรย์ กายที่ฟื้นคืนชีพของเราจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้อีกเลย!
หากผู้คนหมกมุ่นอยู่กับของประทานฝ่ายวิญญาณมากเกินไป ก็มักเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า พวกเขาสนใจเรื่องของกาลเวลา (หรือโลกปัจจุบัน) มากกว่านิรันดร์กาล คนเช่นนี้ต้องใส่ใจคำเตือนของเปาโลที่ว่า “ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์เพียงแค่ในชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นคนน่าเวทนาที่สุดของคนทั้งหมด”
เรื่องของบุคลิกลักษณะ
สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณไม่ได้บ่งบอกถึงบุคลิกลักษณะของตัวบุคคล หมายถึง ตัวของผู้ใช้ของประทานเอง ขอยกตัวอย่างคร่าว ๆ เช่น สมมติว่าคนเกียจคร้าน, หลอกลวง และเย่อหยิ่ง ได้รับของกำนัลเป็นเงินหนึ่งล้านดอลลาร์โดยไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร บุคลิกลักษณะของเขาย่อมไม่ถูกเปลี่ยนแปลง เขายังคงเกียจคร้าน, หลอกลวง และเย่อหยิ่ง อันที่จริง เขาอาจจะเย่อหยิ่งมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขามีเงินหนึ่งล้านดอลลาร์อยู่ในบัญชีธนาคารของเขา!
หลักการเดียวกันนี้ใช้กับผู้ที่ได้รับของประทานฝ่ายวิญญาณที่โดดเด่นด้วย เช่น การพยากรณ์ การรักษาโรค หรือการทำการอัศจรรย์ หากคนที่ใช้ของประทานนั้นเคยอ่อนแอและไม่มั่นคงมาก่อน เขาก็จะอ่อนแอและไม่มั่นคงเหมือนเดิมหลังจากได้รับของประทานแล้ว แต่ของประทานใหม่ของบุคคลนี้จะมีอิทธิพลต่อผู้คนมากขึ้น และยังมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นในส่วนของการใช้ของประทานนั้นในทางที่ชอบธรรมและเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในศาสนาคริสต์ คือ ผู้คนมักจะประเมินผู้รับใช้จากของประทานของพวกเขามากกว่าจากบุคลิกลักษณะของพวกเขา แต่จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้แสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่บุคคลหนึ่งผู้ซึ่งใช้ของประทานอันโดดเด่นและน่าประทับใจ กลับมีบุคลิกลักษณะที่บกพร่องอย่างมาก บางครั้งคนเหล่านี้อาจใช้ของประทานเพื่อปกปิดข้อบกพร่องของบุคลิกลักษณะของตนด้วยซ้ำ
ในฐานะนักเทศน์หนุ่ม ผมชื่นชมชายสูงวัยท่านหนึ่งเป็นอย่างมาก ผู้ซึ่งมีพันธกิจของการอัศจรรย์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง นอกจากนี้ท่านยังสอนอย่างหนักแน่นด้วยว่า คริสเตียนสามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจากบาปได้ แต่ในที่สุด ท่านก็หย่ากับภรรยา แล้วแต่งงานกับเลขานุการของท่าน และเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จท่านอื่นๆ ก็ประสบกับโศกนาฏกรรมส่วนตัวที่คล้ายคลึงกัน
ผล – ไม่ใช่ของประทาน
เมื่อเผชิญกับกรณีเช่นนี้ ผู้คนมักจะตอบว่า "แต่ถ้าบุคคลหนึ่งใช้ของประทานเหล่านี้ในทางที่ผิด พระเจ้าก็จะทรงเอาคืนไปอย่างแน่นอน!" แต่คำตอบคือ “ไม่ใช่!” ของประทานของพระวิญญาณนั้นมีความหมายตรงตามชื่อที่เรียก กล่าวคือ เป็นของที่ประทานให้จริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ให้ยืมโดยมีเงื่อนไขผูกพัน หรือมีกำหนดเวลาของการใช้คืน
“"เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเปลี่ยนพระทัย ในการที่ได้ทรงให้ของประทาน และในการทรงเรียก (โรม 11:29 ฉบับมาตรฐาน)
เมื่อเราได้รับของประทานเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว เราก็มีอิสระในการใช้ ไม่ว่าจะใช้ในทางที่ผิด หรือไม่ใช้เลย อย่างไรก็ตาม ในที่สุด พระเจ้าจะทรงเรียกร้องให้เรากล่าวรายงานถึงสิ่งที่เราได้ทำ หรือไม่ได้ทำต่อของประทานที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่เราผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
เราต้องระลึกถึงคำเตือนของพระเยซูอยู่เสมอ:
“พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา...” (มัทธิว 7:16 ฉบับมาตรฐาน)
ไม่ใช่ผลจากของประทานของพวกเขา แต่เป็นผลจากชีวิตของพวกเขาเอง ซึ่งจะเป็นหัวข้อหลักของมรดกจดหมายคำสอนฉบับต่อไปของเรา
คำเตือนอีกประการหนึ่ง
พระเยซูทรงกล่าวเสริมคำตักเตือนนี้ในมัทธิวบทที่ 7 ด้วยคำเตือนที่ชัดเจนว่า การใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณไม่ได้เป็นหลักประกันของการเข้าสู่สวรรค์อย่างแน่แท้
“มิใช่ทุกคนที่ร้องเรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา!’” (ข้อ 21-23 ฉบับมาตรฐาน)
คำเตือนนี้ชี้ให้เห็นว่า เป็นไปได้ที่บุคคลหนึ่งจะใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณ และในขณะเดียวกันก็ "ประพฤติผิดกฎบัญญัติ" “การประพฤติผิดกฎบัญญัติ” คืออะไร? คือ การสันนิษฐานอย่างถือดีว่ามาตรฐานทางศีลธรรมและจริยธรรมของพระเจ้าไม่มีผลบังคับใช้กับผู้ที่สามารถใช้ของประทานแห่งฤทธิ์อำนาจที่หนือธรรมชาติได้อีกต่อไป
เราจะตอบสนองอย่างไร?
เมื่อเราเห็นความถือดีเกี่ยวกับการใช้ของประทานของพระวิญญาณเช่นนี้ ทำให้เราเผชิญหน้ากับความจำเป็นในการตัดสินใจส่วนตัวที่ยากลำบาก เราควรตอบสนองอย่างไร?
ประการแรก เราต้องระลึกถึงคำเตือนของเปาโลที่มีต่อทิโมธีไว้เสมอว่า:
“อย่า….มีส่วนร่วมในบาปของคนอื่นเลย จงรักษาตัวให้บริสุทธิ์” (1 ทิโมธี 5:22 ฉบับมาตรฐาน)
ประการที่สอง เกี่ยวกับพันธกิจที่ไร้ศีลธรรมจรรยาเหล่านี้ มีข้อเตือนใจที่พระเยซูทรงให้ไว้ นั่นคือ สวรรค์มีไว้สำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดา คุณและผมจำเป็นต้องถามตนเองว่า “น้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของฉันคืออะไร? พระบิดาของฉันทรงคาดหวังอะไรจากฉัน?”
ในส่วนของผม ผมรู้สึกว่าพระเจ้าประทานคำตอบที่ชัดเจนและเรียบง่ายแก่ผมว่า "น้ำพระทัยของพระเจ้า คือ ให้ผมเป็นคนบริสุทธิ์" และพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงเพิ่มคำเตือนนี้ว่า “ปราศจากความบริสุทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีใครได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย” (ฮีบรู 12:14 ฉบับมาตรฐาน) ดังนั้นผมจึงมุ่งมั่นที่จะ “ดำเนินชีวิตในความบริสุทธิ์”
แล้วคุณล่ะ? คุณจะสละเวลาสักครู่หนึ่งในตอนนี้เพื่ออุทิศตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในการใช้ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเหมาะสมหรือไม่?
*Prayer Response
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงประทานของประทานอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ี้แก่ข้าพระองค์ บัดนี้ข้าพระองค์ขอรับไว้ และขอพระองค์ทรงช่วยให้ข้าพระองค์ใช้สิ่งเหล่านี้อย่างเหมาะสมและอย่างถ่อมใจ ข้าพระองค์ขออุทิศตนให้กับเส้นทางนี้ และขอการทรงนำจากพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน

*Free download
*This Teaching Letter is available to download, print and share for personal or church use.
ดาวน์โหลด PDFรหัส: TL-L129-100-THA