โดยปกติแล้ว หากคุณต้องการมีวงดนตรีประสานเสียงวงใหญ่ (ซิมโฟนี) สักวงหนึ่ง องค์ประกอบสอง สิ่งที่คุณต้องมีอย่างแน่นอนคือ โน้ตเพลงและวาทยากร (ผู้ควบคุมวงดนตรี) ในมิติฝ่ ายวิญญาณก็เช่นเดียวกัน หากคุณต้องการมีวงดนตรีประสานเสียงวงใหญ่ คุณก็ต้องมีองค์ประกอบทั้งสองสิ่งเหมือนกันคือ โน้ตเพลง หมายถึง น้า พระทยัของพระเจา้ และวาทยากร หมายถึง พ⁠ร⁠ะ⁠ว⁠ิ⁠ญ⁠ญ⁠า⁠ณ⁠บ⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ุ⁠ท⁠ธ⁠ิ⁠์

ใน มัทธิว 18:19 “ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกันทูลขอสิ่ งหนึ่ งสิ่ งใดบนโลก” ค าว่า ‘ร่วมใจกัน’ ในภาษา กรีกเป็นค าเดียวกับค าว่า ‘ซิมโฟนี’ มันไม่ใช่แค่การเห็นพ้องต้องกันในด้านปัญญาหรือค⁠ว⁠า⁠มคิดเท่านั้น แต่เป็น ค⁠ว⁠า⁠มสามัคคีและค⁠ว⁠า⁠มปรองดองกัน มันเป็ นเรื่องของคนสองคนหรือมากกว่าที่มารวมเป็ นหนึ่งเดียวกันใน วิญญาณจิต เมื่อผู้คนมาอยู่ร่วมกันเป็ นหนึ่งเดียวในวิญญาณจิต ในค⁠ว⁠า⁠มสามัคคีและการเห็นพ้องต้องกันใน สิ่งที่เป็ นน ้าพระทัยของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า ซึ่งเปิดเผยโดยพระวิญญาณบริสุทธ์ิ พวกเขาก็สามารถเขา้ถึงสิ่งจา เป็นใดๆ ก็ได้ ตามที่ต้องการ นี่เป็นพ⁠ร⁠ะ⁠ส⁠ั⁠ญ⁠ญ⁠าที่เป็นจริง แต่คุณต้องท าตามเงื่อนไข

บางครั้ง มีคนมาพูดกับผมว่า “มาเถอะ พี่ปร้ินซ์เราจะอธิษฐานเผ่ือเร่ืองนั้นเร่ืองน้ีกัน แล้วให้เราเห็น พ้องต้องกันนะ” บางครั้งผมรู้สึกล าบากใจ เพราะผมคิดว่าการท าเช่นนั้นมันเป็ นการเสแสร้งหรือเป็ นสิ่งที่ท า แบบผิวเผิน ซึ่งจะไม่เกิดผลอะไร การเห็นพ้องต้องกันไม่ใช่แค่พูดว่า “เราเห็นด้วย” เท่านั้น แต่การเห็นพ้อง ต้องกันคือ การผสมผสานกลมกลืนเป็ นหนึ่งเดียวกันในวิญญาณจิต และเมื่อเราไปถึงจุดของการผสมผสาน กลมกลืนเป็ นหนึ่งเดียวกันในฝ่ ายวิญญาณอย่างแท้จริงแล้ว ก็จะไม่มีอะไรขัดขวางเราได้ ด้วยเหตุนี้ มารจึง พยายามท าทุกวิถีทางในขอบเขตอ านาจของมัน ที่จะไม่ให้คริสเตียนไปถึงจุดนั้น และมันก็ประสบค⁠ว⁠า⁠มส าเร็จ อย่างใหญ่หลวงท่ามกลางผู้คนมากมายที่เรียกตนเองว่าเป็ นคริสเตียน

ผมเชื่อว่า ผมคงไม่ได้ท าให้คุณตกใจเมื่อพูดว่าค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠ร ซึ่งเป็ นพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์นั้น ไม่ใช่ องค์กรแบบของโลกนี้ ก⁠ล⁠่⁠า⁠วโดยทั่วไปคือ คริสเตียนรู้สึกว่าตนถูกบังคับหรือถูกกดดันให้จัดตั้งองค์กรในลักษณะ ของสถาบันขึ้ น เพื่อเป็ นสถานที่ที่พวกเขาสามารถผูกพันตัวกันเพื่อให้บรรลุค⁠ว⁠า⁠มเป็ นเอกภาพหรือค⁠ว⁠า⁠มเป็ น น ้าหนึ่งใจเดียวกัน แต่ค⁠ว⁠า⁠มจริงก็คือ สิ่งนี้ ไม่อาจก่อให้เกิดค⁠ว⁠า⁠มเป็ นเอกภาพตามแบบอย่างที่พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงตั้ง พระทัยไว้ส าหรับพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูคริสต์

ภายใต้พันธสัญญาเดิม พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงมีปัญหาอย่างใหญ่หลวงกับช⁠น⁠ช⁠า⁠ต⁠ิของพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์คือ อ⁠ิ⁠ส⁠ร⁠า⁠เ⁠อ⁠ล พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ได้ทรงเปิ ดเผยแล้วว่า ส าหรับพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์นั้น เราไม่สามารถจะน าภาพเหมือนของบุคคล รูปภาพ หรือ ภาพลักษณ์ใดๆ มาเป็ นตัวแทนของพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ได้ ค⁠ว⁠า⁠มพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าถูกห้าม โดยเด็ดขาด แต่เราก็พบว่าครั้งแล้วครั้งเล่า อ⁠ิ⁠ส⁠ร⁠า⁠เ⁠อ⁠ลได้ตกลงไปสู่ค⁠ว⁠า⁠มผิดพลาดในการสร้างภาพลักษณ์หรือ รูปเคารพขึ้ นและก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า “สิ่งนี้ เป็นตัวแทนของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า”

ผมเชื่อว่าคริสเตียนเองก็ท าสิ่งผิดพลาดเหมือนกับเรื่องนี้ที่พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าได้ทรงห้ามไว้คือ การใช้สถาบันเป็น สัญลักษณ์แทนพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูคริสต์ พ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ไม่อาจถูกน าเสนอในลักษณะขององค์กรตาม แบบอย่างที่เราคุ้นเคยในวิถีของโลกได้ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คริสเตียนพยายามท าเรื่องฝ่ ายวิญญาณให้เป็ นสิ่ง ที่มองเห็นและจับต้องได้คือพวกเขาพยายามสร้างองค์กรหรือสมาคมเพื่อผูกพันกันไว้ โดยเข้าใจว่าสิ่งนี้ สามารถแทนที่ค⁠ว⁠า⁠มเป็ นเอกภาพและค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ที่เหมาะสมในพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูคริสต์ได้ แต่พวกเขาก็ ล้มเหลวอยู่เสมอ

ยกตัวอย่างองค์กร The Salvation Army (เป็ นองค์กรคริสเตียนระดับนานาชาติ ที่ปฏิบัติภาระกิจเพื่ อ ค⁠ว⁠า⁠มก้าวหน้าของคริสตศาสนา เพื่อการศึกษา การบรรเทาค⁠ว⁠า⁠มยากจน และงานการกุศลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมหรือ ชุมชนของมนุษยชาติโดยรวม - ผู้แปล) (นี่ไม่ใช่เป็ นการวิพากย์วิจารณ์องค์กรแต่อย่างใด) ภายในองค์กร The Salvation Army นั้น มีค⁠ว⁠า⁠มเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างหนักแน่นคล้ายกับกองทัพทหาร นอกจากนี้ พวกเขา ยังแต่งกายด้วยเครื่องแบบอย่างเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงค⁠ว⁠า⁠มเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันที่มากขึ้ น เพื่อว่าเมื่อ คุณมองดูสมาชิก คุณก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนนั้นอยู่ใน The Salvation Army ภายในองค์กรแห่งนี้ มีทุกอย่างที่ มนุษย์สามารถท าได้เพื่อสร้างค⁠ว⁠า⁠มเป็นเอกภาพและเพื่อวางโครงสร้างขององค์กร ถึงกระนั้นก็ดี คนสองคนใน องค์กรนี้ ยังอาจมีค⁠ว⁠า⁠มขัดแย้งกันได้ ดังนั้น สิ่งนี้จึงห่างไกลอย่างมากจากค⁠ว⁠า⁠มเป็ นเอกภาพและค⁠ว⁠า⁠ม ผสมผสานกลมกลืนที่แท้จริง เขาเหล่านั้นอาจอยู่ฝ่ ายตรงข้ามกันอย่างสิ้ นเชิงก็ได้ คนสองคนอาจอยู่ในองค์กร The Salvation Army เหมือนกัน โดยที่คนหนึ่งเป็ นผู้ที่กลับใจและบังเกิดใหม่แล้ว แต่อีกคนหนึ่งยังไม่ได้บังเกิดใหม่ ก็ได้ พวกเขาไม่ได้อยู่ในบริบทฝ่ ายวิญญาณแบบเดียวกันด้วยซ ้า!

ยกตัวอย่างค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รแองกลิกันแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งผมเองเติบโตมาจากที่นั่น คุณสามารถเป็ น สมาชิกของค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รแองกลิกัน และในเวลาเดียวกันยังเป็นคอมมิวนิสต์หรือโรมันคาทอลิกได้ด้วย พวกเขา ผูกพันกันโดยโครงสร้างแบบองค์กรเท่านั้น แต่ยังคงมีค⁠ว⁠า⁠มคิดเห็นที่แตกต่างกันแบบคนละขั้ว บ้างก็ต่อต้านซึ่ง กันและกันอย่างสิ้ นเชิง บ้างก็แตกแยกกันอย่างแท้จริง ไม่มีค⁠ว⁠า⁠มเป็ นเอกภาพใดๆ ในฝ่ ายวิญญาณเลย โครงสร้าง ของค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รกลายเป็นสิ่งที่ใช้แสดงออกภายนอกแทนค⁠ว⁠า⁠มเป็ นจริงที่อยู่ภายใน

สิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งที่ผมมองเห็นคือ เรามักจะยอมรับว่าสิ่งที่ปรากฎภายนอกเป็ นสิ่งทดแทนสิ่งที่ อยู่ภายใน แล้วก็เพิกเฉยต่อสิ่งที่เป็ นจริงภายใน ผลที่เกิดขึ้ นคือ ทุกวันนี้ มีคริสเตียนมากมายในพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยที่มี ค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ไม่ถูกต้องต่อผู้อื่น โดยไม่ตระหนักว่ามีสิ่งผิดพลาดหรือสิ่งผิดปกติใดในชีวิตข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠า

คืนหนึ่งของการจัดประชุม มีห้าคนออกมาด้านหน้าเพื่อรับการรักษา ผมได้รับการทรงน าให้ถามแต่ละ คนว่า “ในใจคุณยังไม่ให้อภัยหรือขุ่นเคืองใจกับใครหรือไม่?” สามในห้าคนตอบว่า “ใช่ ยังมีอยู่”

ผมตอบกลับไปว่า “คุณอยากให้ผมอธิษฐานเผื่อคุณจริงๆ หรือ? ผมสามารถท าตามที่ คุณต้องการได้ แต่คุณคิดว่าการอธิษฐานน้ีจะมีผลลัพธ์แบบใด?” และคุณรู้ไหมว่าพวกเขาพูดอย่างไร? “เราน่าจะออกไป จัดการทุกสิ่ งให้ถูกต้องก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ดีกว่า” ยอดเยี่ยมมากเลย! แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจจริงๆ คือ คนเหล่านี้ ไม่ตระหนักหรือรับรู้เลยว่าพวกเขามีค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ท าไมพวกเขาจึงถูกหลอกเช่นนั้น? - เป็นเพราะว่า พวกเขายอมให้บางสิ่งที่เกิดขึ้ นภายนอกมาบดบังพวกเขาจากค⁠ว⁠า⁠มเป็ นจริงที่อยู่ภายในนั่นเอง

หากเราจะมองดูสภาพภายในของพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์ในปัจจุบัน เราคงจะตกตะลึงกับสิ่งที่เรา มองเห็น!

ข้อต่อ และ เส้นเอ็น

หากการรวมเป็ นหนึ่งเดียวกันภายนอก ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ฝ่ ายวิญญาณซึ่งอยู่ภายใน พ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์แล้ว อะไรล่ะ! คือสิ่งที่รักษาพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยนั้นไว้ด้วยกัน? อะไรคือ ธรรมชาติที่แท้จริงและ แหล่งที่มาของค⁠ว⁠า⁠มเป็นเอกภาพหรือการเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา? เราพบค าตอบส าหรับค าถามที่ส าคัญอย่าง มากนี้ ได้จากข้อพระค า 2 ข้อในเอเฟซัสและโคโลสี

ในเอเฟซัส 4:16 เปาโลก⁠ล⁠่⁠า⁠วถึงพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์ในฐานะเป็ นศีรษะของพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ย “เน่ืองจากพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์น้ีเอง ร่างกายทั้งหมดจึงไดร้บั การเช่ือมและประสานเขา้ดว้ยกันโดยทุกๆ ขอ้ต่อท่ีประทานมานั้น และเม่ือแต่ละส่วนทา งานตาม หน้าที่แล้ว ก็ทา ใหร้า่ งกายเจรญิ และเสรมิ สรา้งตนเองข้นึ ดว้ยค⁠ว⁠า⁠มรกั”

ในโคโลสี 2:19 ในบริบทที่คล้ายกัน เปาโลก⁠ล⁠่⁠า⁠วถึงพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์ผู้ทรงเป็ นศีรษะ “.....ผู้ซ่ึงเป็นเหตุใหท้ัว่ ทั้ง รา่ งกายไดร้บัการบา รงุ เล้ียง และประสานเขา้ดว้ยกันโดยขอ้และเอ็นตา่ งๆ จึงไดเ้จรญิ ข้นึ ตามท่ีพระเจา้ทรงใหเ้จรญิ ข้นึ นั้น”

มีสองสิ่งที่เปาโลก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า เป็ นสิ่งที่ยึดอวัยวะต่างๆ ของร่างกายไว้ให้เป็ นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือ ข้อต่อ และเส้นเอ็น เช่นเดียวกับที่ข้อต่อและเส้นเอ็นของร่างกายยึดอวัยวะต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน สองสิ่งนี้ ก็ยึดอวัยวะ ต่างๆ ของร่างกายฝ่ ายวิญญาณของพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์เข้าไว้เป็ นหนึ่งเดียวกันด้วย ข้อต่อและเส้นเอ็นเหล่านี้ คืออะไร? ผมขอแนะน าว่า ข้อต่อ คือ ค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะต่างๆ ของพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ย และเส้นเอ็น คือ ทัศนคติที่เขา ทั้งหลายมีต่อกันและกัน

แขนของมนุษย์ประกอบด้วยกระดูกสามท่อน แม้ว่าแต่ละท่อนจะแข็งแรงและสมบูรณ์ก็ตาม แต่การที่ แขนจะท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นขึ้ นอยู่กับ ข้อต่อ เช่น ข้อศอก กระดูกแขนแต่ละท่อนอาจมีสุขภาพ สมบูรณ์โดยตัวของมันเอง แต่แขนก็อาจไร้ประสิทธิภาพได้ ถ้าข้อต่อไม่ได้ท างานอย่างเหมาะสม สิ่งนี้ เป็ นจริง เช่นเดียวกันในพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์ ค⁠ว⁠า⁠มแน่วแน่ส่วนตัวของคุณไม่ใช่ทั้งหมดที่จ าเป็ นในการท าให้คุณเป็ น คนมีประสิทธิภาพ แต่ค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นคือ ข้อต่อ ที่เชื่อมคุณเข้ากับพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยได้อย่างลงตัว และคุณ ไม่สามารถเป็นอวัยวะที่มีประสิทธิภาพได้ เว้นเสียแต่ว่าค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นเป็ นไปอย่างถูกต้อง

อีกครั้งหนึ่งในเอเฟซัสและโคโลสีที่เปาโลได้พูดถึงเส้นเอ็นที่ย⁠ิ⁠่⁠ง⁠ใ⁠ห⁠ญ⁠่ซึ่งยึดทั้งร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน ในเอเฟซัส 4:3 เปาโล ก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า ให้รักษา “ค⁠ว⁠า⁠มเป็นน ้าหน่ึงใจเดียวกันท่ีมาจากพระวญิ ญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็น เครื่องผูกพัน” ค าว่า ผูกพัน และ เส้นเอ็น ในภาษากรีกเป็ นค าเดียวกัน และในโคโลสี 3:14 ก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า “แล้วจงสวม ค⁠ว⁠า⁠มรักทบั ส่ิงเหลา่ น้ีทงั้หมด ค⁠ว⁠า⁠มรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์”— ซึ่งพยุงและรักษาร่างกายนี้ ไว้ด้วยกัน

เครื่องผูกพันหรือเส้นเอ็นที่ส าคัญที่สุดที่สามารถรักษาพ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยของพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์เข้าไว้ด้วยกันในค⁠ว⁠า⁠ม เป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริงคือ ค⁠ว⁠า⁠มรัก เครื่องผูกพันที่สองคือ สันติสุข เราทั้งหมดได้รับการพยุงและรักษาไว้อย่าง สมบูรณ์เป็ นหนึ่งเดียวโดยสิ่งที่ผมขอเรียกว่า “ทัศนคติแห่งสันติสุขและค⁠ว⁠า⁠มรัก” แต่หากไม่มีทัศนคติเช่นนี้ การท างานของร่างกายก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเรามีค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องกับพี่น้องคริสเตียนของเรา พ⁠ร⁠ะ⁠ก⁠า⁠ยก็ไม่สามารถท างานได้ และเราเองก็ไม่สามารถรับสิ่งที่ตัวเราต้องการได้ ไม่เพียงแต่เราปิ ดกั้นผู้อื่น จากการรับพระพรเท่านั้น แต่เรายังปิ ดกั้นตนเองด้วย อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ผมได้รับผ่าน สถานการณ์ต่างๆ และผ่านกลุ่มต่างๆ มากมายนั้น มีคนมากกว่าครึ่งในกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠ร มีทัศนคติและค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องกับผู้อื่น และค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้ นกับ สมาชิกในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รเดียวกันนั่นเอง

มีครั้งหนึ่ง หลังจากเสร็จเทศนาในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รเพ็นเทคอสแห่งหนึ่ง ซึ่งพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงเคลื่อนไหวอย่างมาก ผมก็ไปเทศนาต่อที่ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รเพ็นเทคอสอีกแห่งหนึ่งด้วยค าเทศนาเรื่องเดียวกัน แต่ในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รแห่งที่สองนี้ กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้ นเลย ผมคิดว่า มีอะไรผิดปกติ? คุณรู้ไหมว่าผมค้นพบอะไร? นี่เป็ นค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รที่มีผู้เข้าร่วม ประมาณ 400 คนเป็ นประจ าทุกวันอาทิตย์ แต่ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รกลับแบ่งเป็ นสองฝ่ ายจากตรงกลางห้อง คนที่อยู่ ฝั่งขวาของผมไม่พูดกับคนที่อยู่ฝั่งซ้ายมาห้าปีแล้ว เมื่อพวกเขาเจอกันบนถนน แต่ละคนก็จะเลี่ยงไปเดินอีกฟากหนึ่ง ของถนนเพื่อไม่ต้องทักทายกัน ดังนั้นส าหรับผมแล้วการเทศนากับคนเหล่านี้ ถือเป็ นการสิ้ นเปลืองลมหายใจ และเวลา ในเมื่อไม่มีโอกาสใหพ้ ระวิญญาณบริสุทธ์ิเคลื่อนไหวในคริสตจกัรน้ันได้เลย แต่สิ่งที่น่าขันคือ ผมได้ พบเหตุการณ์คล้ายๆ กันอีกหลายครั้ง และคนในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รก็พร้อมที่จะก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษว่าเป็ นค⁠ว⁠า⁠มผิดของศิษยาภิบาล หรือพร้อมที่จะว่าจ้างนักประกาศอีกคนหนึ่งให้เข้ามาท างานแทน หรือท าอะไรก็ได้ ยกเว้นสิ่งเดียวที่พวกเขา ต้องท า แต่ไม่ได้ท าคือ การคืนดีกัน

ค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ในครอบครัว

มันเป็ นข้อเท็จจริงของชีวิตที่มีค⁠ว⁠า⁠มเป็ นไปได้และเป็ นประสบการณ์ที่เกิดขึ้ นได้บ่อย คือ ค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ ที่อันตรายและเป็ นพิษภัยมากที่สุดมักเกิดขึ้ นกับคนที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ปัญหาค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์อย่างหนึ่งที่ พบได้บ่อย คือ ปัญหาของเยาวชนและผู้ปกครอง ผมกล้าพูดเลยว่าเยาวชนส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐมักจะ ต่อต้านหรือกบฏต่อพ่อแม่ในระดับใดระดับหนึ่ง และในหลายๆ กรณี ผู้ปกครองต้องยอมรับว่า ค⁠ว⁠า⁠มผิดส่วนใหญ่ อยู่ที่พวกเขาเอง ดังนั้นปัญหาจึงไม่ใช่การละเลยของเยาวชนเท่านั้น แต่เป็นการละเลยของผู้ใหญ่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ผมมักจะบอกกับเยาวชนเสมอว่า หากคุณมีค⁠ว⁠า⁠มขุ่นเคืองใจ ค⁠ว⁠า⁠มเกลียดชัง หรือค⁠ว⁠า⁠ม กบฏในใจต่อพ่อแม่ของคุณ จ าไว้ว่าไม่ใช่พ่อแม่ของคุณนะที่ต้องรับค⁠ว⁠า⁠มทุกข์ทรมานมากที่สุด-แต่คือตัวคุณเอง ผู้ที่รู้สึกขุ่นเคืองใจย่อมได้รับค⁠ว⁠า⁠มทุกข์ทรมานมากกว่าผู้ที่ท าให้ขุ่นเคืองใจ ยิ่งไปกว่านั้น พ⁠ร⁠ะ⁠ว⁠จ⁠น⁠ะของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า ได้ก⁠ล⁠่⁠า⁠วถึงบทบัญญัติข้อแรกที่มีพ⁠ร⁠ะ⁠ส⁠ั⁠ญ⁠ญ⁠าก ากับไว้ด้วยคือ “จงให้เกียรติบิดามารดา เพื่ อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุ ยืนยาวบนแผ่นดินโลก” (เอเฟซัส 6:2-3) คุณจะไม่มีทางได้ดีหากคุณไม่ให้เกียรติบิดามารดา มันเป็ นการขัดต่อ บทบัญญัติของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า

ปัญหาของค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์อีกด้านหนึ่งที่พบได้อย่างแพร่หลายมากที่สุดคือ ค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ของสามีและ ภรรยา สัดส่วนของสามีที่ขุ่นเคืองใจต่อภรรยา และที่ภรรยาขุ่นเคืองใจต่อสามีนั้นมีขนาดใหญ่มากอย่าง น่าประหลาดใจ

ให้เราย้อนกลับไปยังข้อค⁠ว⁠า⁠มในตอนต้น “ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกัน....” เห็นได้ชัดเจนว่าใครคือสองคน บนโลกที่ต้องร่วมใจกันหรือเห็นพ้องต้องกัน? คือสามีและภรรยานั่นเอง แล้วมีกี่คู่ที่ร่วมใจกันหรือเห็นพ้อง ต้องกันจริงๆ? ผมไม่อยากตอบในเรื่องนี้! มีผู้หญิงหลายคนที่ยุ่งอยู่กับกิจกรรมในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠ร เพียงเพราะพวก เธอไม่เห็นพ้องต้องกันกับสามีของตน พวกเธอวิ่งไปที่ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠ร ไม่ใช่เพราะพวกเธอต้องการรับใช้พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า แต่เพราะ พวกเธอต้องการหนีจากปัญหาต่างๆ ในบ้านของตน

ผมจ าได้ว่าครั้งหนึ่งที่ผมได้อธิษฐานปลอดปล่อยหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว หลังจากที่เธอได้รับ การปลดปล่อยที่ยอดเยี่ยมแล้ว เธอพูดว่า “โอ พี่ปร้ินซ์คะ ตอนน้ีดิฉันคิดว่า ดิฉันจะไปเป็นมิชชันนารีหรือ อย่างน้อยที่ สุดก็เป็นครูสอนรวีวารศึกษาในวันอาทิตย์ค่ะ!”

ผมบอกกับเธอว่า “น้องครับ ขอฟังผมสักครู่นะครับ พ⁠ั⁠น⁠ธ⁠ก⁠ิ⁠จที่ ส าคัญที่ สุดคือ การเป็นภรรยาดีที่ สุด เท่าที่ จะเป็นได้ให้กับสามี และการเป็นแม่ดีท่ีสุดเท่าท่ีจะเป็นไดใ้หก้ับลูกๆ ส่วนเร่ืองอ่ืนๆ นั้นถือเป็นเร่ืองรอง ขอให้จัดล าดับค⁠ว⁠า⁠มส าคัญให้ถูกต้องนะครับ”

มีพี่น้องผู้หญิงหลายคนมาหาผมและพูดว่า “พ่ีปร้ินซค์ ะ ดิฉันไดร้บับพั ติศมาในพระวญิ ญาณบริสุทธ์ิแลว้ แต่สามีของดิฉันไม่เช่ือในเร่ืองน้ีค่ะ” ซึ่งปกติผมจะตอบว่า “แล้วคุณได้ส าแดงอะไรให้สามีเห็นเพื่อเขาจะเชื่ อใน เร่ืองน้ีหรือไม่? เช่น คุณได้เป็นภรรยาท่ีดีข้ึนซ่ึงเป็นผลจากการรบั บ⁠ั⁠พ⁠ต⁠ิ⁠ศ⁠ม⁠าหรือไม่? บ้านของคุณกลายเป็น สถานที่ ที่ มีบรรยากาศของค⁠ว⁠า⁠มหวานช่ืนข้ึนหรือไม่? มีบรรยากาศแห่งค⁠ว⁠า⁠มรักเพ่ิมข้ึนหรือไม่? คุณได้ แสดงออกถึงค⁠ว⁠า⁠มใส่ใจและค⁠ว⁠า⁠มเห็นอกเห็นใจต่อสามีมากกว่าที่ คุณเคยท าหรือไม่? ถ้าไม่ ก็อย่าเรียกร้องให้ เขาเชื่ อในเรื่องบ⁠ั⁠พ⁠ต⁠ิ⁠ศ⁠ม⁠าในพระวิญญาณเลย เพราะเขาจะไม่เชื่ อแน่” ถ้าการรับบ⁠ั⁠พ⁠ต⁠ิ⁠ศ⁠ม⁠าท าให้คุณเอาแต่วิ่งไป วิ่งมาตามการประชุมต่างๆ และทิ้ งสามีของคุณไว้ตามล าพัง คุณก็อาจต้องแบกภาระนี้ไปตลอดชีวิตกับสามีที่ ไม่เชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อ

ถ้อยค าสุดท้ายในพันธสัญญาเดิมเป็ นค าสาปแช่ง และคุณรู้หรือไม่ว่าต้นเหตุของค าสาบแช่งนั้นคือ อะไร? มีค าอธิบายอยู่ในข้อพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ั⁠ม⁠ภ⁠ี⁠ร⁠์ก่อนวลีสุดท้ายว่า “นี่ แน่ะ เราจะส่งเอลียาห์ผู้เผยพ⁠ร⁠ะ⁠ว⁠จ⁠น⁠ะ มายังเจ้าก่อนวันแห่ง พ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์ คือวันที่ ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวจะมาถึง และท่านผูน้ัน้ จะท าใหจ้ิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูก หันไปหาพ่อ ไม่อย่างนั้น เราจะมาโจมตีแผ่นดินนั้นดว้ยค าสาปแช่ง” (มาลาคี 4:5-6) พระวิญญาณบริสุทธ์ิทรงรู้ ล่วงหน้าถึงสภาวะต่างๆ ที่จะเกิดขึ้ นในช่วงท้ายของยุคนี้ อย่างแน่นอน และพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงชี้ ให้เห็นถึงสิ่งที่เป็น ปัญหาอันดับหนึ่งของประเทศสหรัฐอย่างไม่ผิดพลาดว่า — ที่บ้านหรือในครอบครัว ที่ซึ่งมีค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ที่ แตกสลายเพราะการกบฏของลูกๆ มีภรรยาและสามีซึ่งไม่ลงรอยกัน และต่างคนต่างไปตามทางของตนเอง แล้วละเลยการดูแลเอาใจใส่ลูกๆ

พ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์ตรัสว่า “เราจะซ่อนส่ิงซ่ึงเราจะท านั้นไม่ให้อ⁠ั⁠บ⁠ร⁠า⁠ฮ⁠ั⁠มรูห้ รือ? แน่ทีเดียวอ⁠ั⁠บ⁠ร⁠า⁠ฮ⁠ั⁠มจะเป็ น ประชาชาติใหญ่โตและมีกา ลงัมาก และประชาชาติทงั้หมดในโลกจะไดร้บัพรก็เพราะเขา เพราะเราเลือกเขาแล้ว เพื่อเขาจะได้ก าชับลูกหลาน และครอบครัวที่สืบต่อมาของเขา ให้รักษาพระมรรคาของพ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์ ให้ท าค⁠ว⁠า⁠มชอบธรรมและค⁠ว⁠า⁠มยุติธรรม เพื่อพ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์จะประทานแก่อ⁠ั⁠บ⁠ร⁠า⁠ฮ⁠ั⁠ม ตามที่พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ ตรัสไว้แก่เขา”’ (ปฐมกาล 18:17-19)

พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงเลือกอ⁠ั⁠บ⁠ร⁠า⁠ฮ⁠ั⁠ม เพราะพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงสามารถไว้วางใจเขาได้ในเรื่องค⁠ว⁠า⁠มสัมพันธ์ของเขากับ ครอบครัว เพื่อที่เขาจะก าชับลูกหลานและคนในครัวเรือนของเขาให้รักษาทางของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าไว้

สิ่งที่ตรงกันข้ามก็เป็ นจริงด้วยเช่นกันคือ ประเทศใดก็ตามที่สามีและพ่อล้มเหลวในการท าหน้าที่ของ ตนที่มีต่อครอบครัวก็จะไม่สามารถคงค⁠ว⁠า⁠มเป็ นประเทศที่ย⁠ิ⁠่⁠ง⁠ใ⁠ห⁠ญ⁠่และแข็งแกร่งได้ สิ่งนี้ เป็นจริงส าหรับประเทศ สหรัฐ หากชีวิตครอบครัวของคนในประเทศนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ประเทศก็ไร้ซึ่งค⁠ว⁠า⁠มหวัง

นี่เป็ นสัญญาณบอกเหตุที่ชัดเจนว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ สิ่งเลวร้ายก็จะเกิดขึ้ นอย่างแน่นอน ผมขอยืนยันว่า ผู้ที่เต็มล้นในพระวิญญาณและมีถ้อยค าแห่งข่าวประเสริฐที่สมบูรณ์ ควรเป็ นผู้ที่มีค าตอบ ส าหรับปัญหานี้ ถ้าเราไม่มีค าตอบ แล้วโลกนี้ จะหาค าตอบได้จากที่ใด?

มันเป็ นเรื่องน่าเศร้าที่มีบ้านหรือครอบครัวมากมายที่บอกว่าตนเอง'“เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ” แต่กลับไม่มีค⁠ว⁠า⁠มปรองดองกันระหว่างสามีและภรรยา แต่สิ่งที่ผมเข้าใจก็คือ ผู้ที่ได้รับการเจิมจากพระวิญญาณ บริสุทธ์ิย่อมมีสิ่งที่จะบอกกับคนในยุคสมัยของตน ผมไม่เชื่อว่า เราต้องมานั่งกอดอกแล้วพูดว่า “สถานการณ์ มันเกินควบคุม ไม่สามารถท าอะไรได้อีกแล้ว” ผมเชื่อว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาอยู่ภายในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูคริสต์ ผมเชื่อว่าค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รคือ เกลือแห่งแผ่นดินโลก คือแสงสว่างแห่งแผ่นดินโลก แต่ “ถา้เกลือนั้นหมดรสเค็มไปแลว้ [คือ ถ้ามันไม่สามารถท าให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ไม่ทา ใหโ้ลกดีข้ึน หรือไม่สามารถยบัยงั้ค⁠ว⁠า⁠มเส่ือมทรามได]้... ตงั้แต่ นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแตจ่ ะถกู ท้ิงเสียใหค้ นเหยยีบยา่ ” (มัทธิว 5:13)

นี่เป็ นทิศทางที่ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รในอเมริกาก าลังมุ่งไป แต่มันไม่จ าเป็ นต้องเป็ นแบบนี้ก็ได้ทางแก้ไขก็คือ กลับใจใหม่ แล้วท าสิ่งที่ถูกต้องกับพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า และท าสิ่งที่ถูกต้องกับคนในบ้านหรือในครอบครัวของคุณ อย่าออกไปเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับโลกนี้ ในเมื่อมันยังใช้ไม่ได้กับในบ้านของคุณเอง ถ้าคุณมีแต่ ค⁠ว⁠า⁠มทุกข์ทรมานและค⁠ว⁠า⁠มแตกแยกอยู่ในชีวิต และไม่มีสิ่งใดที่ดีกว่านี้ ก็อย่าไปแบ่งปันอะไรเลยจะดีกว่า!

ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รมัวแต่จดจ่ออยู่กับการประกาศจนสุดปลายแผ่นดินโลก จนมองไม่เห็นสิ่งที่ก าลังเกิดขึ้ น ที่ปลายจมูก (สิ่งที่ ใกล้ตัวแต่มองไม่เห็น - ผู้แปล) สิ่งแรกที่เราต้องท าคือ ท าให้ถูกต้องกับคนที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ในบ้านหรือในครอบครัว ขอให้คืนดีกัน ปล่อยวางค⁠ว⁠า⁠มขมขื่น ค⁠ว⁠า⁠มขุ่นเคืองใจ ค⁠ว⁠า⁠มเกลียดชังของคุณลง - เริ่มตน้จากที่จุดน้ี

10
แบ่งปัน