หากคุณสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนมั่นใจได้ว่า เศรษฐกิจของประเทศเราก าลังจะล่มสลาย และคุณสามารถท าให้ทุกคนพูด กันแต่เรื่องนี้ได้ คุณคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? เศรษฐกิจก็จะล่มสลาย! เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เศรษฐกิจของเรามีรากฐานประการ หนึ่งที่ส าคัญ คือ ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ สิ่งนี้เป็นจริงกับทุกระบบที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน — การเงิน การเมือง หรือเรื่องฝ่ ายจิตวิญญาณ นั่นคือ หากค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจถูกบั่นทอน แน่นอน มันจะน าไปสู่ค⁠ว⁠า⁠มหายนะ

ในบทค⁠ว⁠า⁠มนี้ ผมอยากจะส ารวจ 3 ประเด็นหลักซึ่ง เกี่ยวข้องกับค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ ได้แก่ ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจที่มีต่อพี่น้องผู้เชื่อ และค าเตือนต่างๆ เกี่ยวกับการ สูญเสียค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ

ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า

ผมอยากจะส ารวจตัวอย่างต่างๆเกี่ยวกับค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า โดยเริ่มจากในพันธสัญญาเดิม และจากนั้นในพันธ สัญญาใหม่ หากคุณเข้ามาถึงข้อพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ั⁠ม⁠ภ⁠ี⁠ร⁠์เหล่านี้ด้วยค⁠ว⁠า⁠มเชื่อ ผมเชื่ออย่างแท้จริงว่า หัวใจของคุณจะได้รับการเติมเต็มด้วย ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจตามแบบอย่างของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า แล้วเสียงแห่งค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจและชัยชนะอันย่ิงใหญ่ ก็จะดังขึน้ และจะดังมากย่ิงขึน้ เหมือนดังตอนต้นของ สดุดี 27:1-3 ก⁠ล⁠่⁠า⁠วไว้

“พ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์ทรงเป็นค⁠ว⁠า⁠มสว่างและค⁠ว⁠า⁠มรอดของข้าพเจ้า ขา้พเจา้จะกลวัผูใ้ดเล่า? พ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์ ทรงเป็นที่ก าบังอันแข็งแกร่งแห่งชีวิตขา้พเจา้ ขา้พเจ้าจะเกรงผูใ้ดเล่า? เมื่อพวกคนช่วัมาหา ข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คือบรรดาคู่อริและศตัรูของขา้พเจา้พวกเขาจะสะดุดและลม้ ลง แมก้องทพั ตงั้ค่ายสูข้า้พเจา้ ใจข้าพเจ้าจะไม่กลัว แม้สงครามถาโถมใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังวางใจ (ม่นัใจใน) พระเจา้อยู่”

เคล็ดลับแห่งชัยชนะของด⁠า⁠ว⁠ิ⁠ดตลอดชีวิตของเขาคือ ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจอย่างย่ิงทีเ่ ขามีในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่า ศัตรูจะมาจู่โจมเพื่อจะรุมกินเนื้อของเขา หรือกองทัพลุกฮือขึ้นเพื่อท าสงครามกับเขา เขาก็ยังมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าง แรงกล้า และเรายังพบภาพค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจที่งดงามอีกภาพหนึ่งในสุภาษิต 3:23-26

“แลว้เจา้จะดา เนินในทางของเจา้อย่างปลอดภยัและเทา้ของเจา้จะไม่สะดุด เมื่อเจ้านอน เจ้า จะไม่หวาดผวา เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับสบาย อย่ากลวัค⁠ว⁠า⁠มสยดสยองที่มาถึงอย่างฉบั พลนั หรือกลวัค⁠ว⁠า⁠มย่อยยบั ทีม่ าถึงคนอธรรม เพราะพ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์จะเป็นค⁠ว⁠า⁠มไว้วางใจ (ค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจ) ของเจ้า และจะทรงปกป้องเทา้ของเจา้จากการถูกจบั”

พ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ั⁠ม⁠ภ⁠ี⁠ร⁠์สอนเราอย่างสม ่าเสมอว่า คนของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าไม่จ าเป็ นต้องกลัว นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ ค าสอนหรือค าเผยพ⁠ร⁠ะ⁠ว⁠จ⁠น⁠ะที่ส่งต่อค⁠ว⁠า⁠มกลัวให้กับคนของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าก าลังตรัสตรงนี้ว่า “เมื่อคนชั่วร้ายน าค⁠ว⁠า⁠มยุ่งยาก หรือปัญหามาให้คุณมันไม่ใช่ปัญหาของคุณ หากคุณไม่ใช่คนชั่วร้าย มันจะไม่มีทางโจมตีคุณได้” สุภาษิต 3:26 บอกกับ เราว่า เราจะหาค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจได้จากที่ใด “พ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์จะเป็ นค⁠ว⁠า⁠มไว้วางใจ (ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ) ของเจ้า และจะทรงปกป้องเท้า ของเจ้าจากการถูกจับ” องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงควบคุมอยู่เสมอ พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ไม่เคยสับสน เพราะพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ ไม่เคยพบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือเหตุฉุกเฉิน พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงมีค าตอบเสมอ

สุภาษิต 14:26 ก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า “ผูท้ ยี่ า เกรงพ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์ย่อมมีสวสัดภิาพ (อยู่อย่างม่นัใจมาก - ฉบับคิงเจมส์) ลูกหลานของเขา จะมีที่ลีภ้ ัย” ถ้าเรามีทัศนคติที่ถูกต้องต่อพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า ไม่มีค⁠ว⁠า⁠มจ าเป็นที่เราจะวิตกกังวล เพราะพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงเป็นที่ก าบังและเป็น สถานที่ของการปกป้อง

ในพันธสัญญาเดิม อิสยาห์ก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า:

“เพราะพ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์องค์เจ้านายคือ องค์บริสุทธิ์ของอ⁠ิ⁠ส⁠ร⁠า⁠เ⁠อ⁠ลตรสั ดงันีว้่า “ในการหันกลับและ หยุดน่ิง เจา้ทงั้หลายจะรอด การเงียบสงบและการไว้วางใจ (ค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจ – ฉบับภาษาอังกฤษ NKJV) จะเป็นกา ลงัของเจา้ แต่เจา้ก็ไม่ยอมทา ตาม และเจา้ทงั้หลายว่า ‘ไม่เอา เราจะขี่มา้หนี ไป’ เพราะฉะนนั้ พวกเจา้ก็จะหนไีป และว่า ‘เราจะขีม่ า้เร็วจดั’ เพราะฉะนนั้ ผูไ้ล่ตามเจา้จะเรว็จดั” (อิสยาห์ 30:15-16)

พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงก าลังเรียกประชากรของพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ให้กลับมาหาพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ เพื่อพักสงบและวางใจ (มั่นใจ) ในพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ ผู้ที่ ปฏิเสธการทรงเรียกของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าให้อยู่อย่างสงบ ไว้วางใจ และมั่นใจ ในไม่ช้าจะได้เรียนรู้ว่าปัญหาข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠าได้ฝังพวกเขาไว้ ทั้งๆ ที่พวกเขาวางแผนที่จะหนีจากมัน นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ ้าแล้วซ ้าเล่าในประวัติศาสตร์ของอ⁠ิ⁠ส⁠ร⁠า⁠เ⁠อ⁠ล เมื่อคนของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าเชื่อฟัง พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ ศัตรูข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠าก็พ่ายแพ้ และอ⁠ิ⁠ส⁠ร⁠า⁠เ⁠อ⁠ลก็มีสันติสุข แต่เมื่ออ⁠ิ⁠ส⁠ร⁠า⁠เ⁠อ⁠ลพ⁠ึ⁠่⁠ง⁠พ⁠าก าลังของตนเอง พวกเขาก็พ่ายแพ้ และในที่สุด ก็กระจัดกระจายออกไปอยู่ตามประเทศต่างๆ

ในพันธสัญญาใหม่ ค าภาษากรีกที่แปลว่า ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ นั้น เป็นค าที่ทรงพลังมาก มักถูกใช้อย่างจ าเพาะเจาะจงเมื่อ ก⁠ล⁠่⁠า⁠วถึงค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจในการพูด โดยทั่วไปในภาษากรีก ค านี้หมายถึง “เสรีภาพในการพูด” หรือสิทธิ์ในการพดู สิ่งท่ีคุณคิด –ซึ่ง เกือบจะเทียบเท่ากับเสรีภาพในการพูดที่ได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญของประเทศสหรัฐอเมริกา หมายค⁠ว⁠า⁠มว่าคุณไม่ จ าเป็นต้องเงียบเสียงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเชื่อ คุณมีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ที่จะพูดถึงสิ่งนั้น และไม่มีใครสามารถปิดปากคุณได้ นี่คือ ถ้อยค าตาม “สิทธิพื้นฐานของพลเมือง” (Bill-of-rights)

ในพันธสัญญาใหม่ พระค าแรกที่เราจะดูด้วยกันนั้น เกี่ยวข้องกับค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าส าหรับการอธิษฐาน

“ท่านทรี่ กัทงั้หลาย ถ้าใจของเราไม่ได้ก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษเรา เราก็มีค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจทจี่ ะเขา้เฝา้พระเจา้ และเมือ่ เราขอส่งิใด ก็ไดส้่งินนั้ จากพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ เพราะเราประพฤติตามพระบัญญัติของพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์” (1 ยอห์ 3:21-22)

ขอให้คุณสังเกตตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง: รากฐานที่จ าเป็นส าหรับค าอธิษฐานเพื่อให้ได้รับค าตอบ คือ ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ อย่ายอมให้ มารขโมยค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจของคุณไป คุณควรฝึกฝนใชส้ิทธิ์ในการอธิษฐานทูลขออย่างมีเสรีภาพ เนื่องจากพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูได้ทรงซื้อสิ่งนี้ไว้ ให้กับคุณแล้ว มันถูกเขียนไว้ในธรรมนูญชีวิตของคุณ

การโจมตีของศัตรูอีกประการหนึ่งที่ท าให้คริสเตียนหลายคนต้องเผชิญกับค⁠ว⁠า⁠มยากล าบากคือ การก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษ ในโรม บทที่8 ได้แสดงให้เราเห็นว่าชีวิตฝ่ ายวิญญาณนั้นเป็นชีวิตแห่งเสรีภาพและอิสรภาพ ซึ่งไม่มีแม้แต่เงาของการถูกก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษ คุณ ไม่สามารถเข้าสู่หรือด าเนินชีวิตตามที่ระบุไว้ในโรมบทที่ 8 ได้ หากคุณด าเนินชีวิตภายใต้การก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษ สิ่งจ าเป็นที่ขาดไม่ได้นี้ได้ ถูกก⁠ล⁠่⁠า⁠วไว้ตั้งแต่เริ่มต้นของบท “เพราะฉะนนั้ ไม่มีการก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษคนที่อยู่ในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูคริสต์คือ ผูท้ี่ไม่ไดด้า เนินตามเนื้อหนัง แต่ ดา เนนิตามพระวญิ ญาณ” (โรม 8:1)

การก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษ เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อเสรีภาพ ค⁠ว⁠า⁠มชื่นชมยินดี สันติสุข และฤทธิ์อ านาจของพระวิญญาณ บรสิทุ ธิ์แต่ทศันคติท่ีถกู ตอ้งของค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจจะช่วยใหเ้ราเอาชนะอปุ สรรคนี้ในชีวิตของเราได้

ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจที่มีต่อพี่น้องผู้เชื่อ

ด้านที่สองของค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจคือ การมีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจต่อพี่น้องผู้เชื่อของเรา เราทุกคนอาจเห็นพ้องต้องกันว่า สิ่งนี้ยากยิ่งกว่า การมีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าเสียอีก

สิ่งที่น่าสนใจคือ ค าว่า ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ ในภาษาอังกฤษแปลมาจากค าภาษากรีกที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ ในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าหรือในมนุษย์ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าไม่ได้ทรงคาดหวังให้เราใช้ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจต่อพี่น้องผู้เชื่อของเราแบบเดียวกับที่ พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงเรียกร้องให้เรามีต่อพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ แต่พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงคาดหวังให้เราใช้ค⁠ว⁠า⁠มไว้วางใจ แม้ค าว่า ‘ค⁠ว⁠า⁠มไว้วางใจ’ ในภาษา กรีกโบราณนั้น มีค⁠ว⁠า⁠มหมายสะท้อนถึงทัศนคติของเราที่ควรมีต่อพี่น้องคริสเตียน แต่ในพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ั⁠ม⁠ภ⁠ี⁠ร⁠์ฉบับแปลน⁠ิ⁠ว⁠ค⁠ิ⁠ง⁠เ⁠จ⁠ม⁠ส⁠์(NKJV) เลือกใช้ค าว่า ค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ (confidence)

คุณจะเห็นค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจต่อพี่น้องผู้เชื่อได้อย่างชัดเจนจากจดหมายฝากของเปาโล ท่านเองก็มีคนที่จัดการได้ยาก เช่นเดียวกับที่พวกเรามีในปัจจุบัน ท่านต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่ยากจะจัดการของชาวโครินธ์ทั้งการดื่มเหล้าเมามายที่โต๊ะมหา สนิท การใช้ของประทานของพระวิญญาณในทางที่ผิด นอกจากนี้ ยังมีชายคนหนึ่งอยู่กินกับภรรยาของพ่อตนเอง และพวกเขายัง ต้องการคนชี้แนะเกี่ยวกับการใช้เงิน แท้จริงแล้ว พวกเขามีปัญหาเยอะมากๆอย่างไรก็ตาม ผมอยากให้คุณสังเกตสิ่งที่เปาโลพูด กับคนที่นั่นใน 2 โครินธ์หลังจากที่ท่านได้ชี้แจงพวกเขาไปในจดหมายฉบับก่อน (1โครินธ์- ผู้แปล)

“ขา้พเจา้เขียนขอ้ค⁠ว⁠า⁠มนนั้ เพอื่ ว่า เมือ่ มาถงึแลว้ขา้พเจา้จะไม่ไดร้บั ค⁠ว⁠า⁠มทกุ ข์โศกจากคนเหล่านนั้ ทคี่ วรจะทา ใหข้า้พเจา้ชืน่ ชมยินดีขา้พเจา้ม่นัใจในทา่ นทกุ คนว่า เมือ่ ขา้พเจา้ยินดีพวกทา่ นทกุ คนก็จะยินดีด้วย” (2 โครินธ์2:3)

นั่นเป็นข้อค⁠ว⁠า⁠มที่น่าทึ่งเมื่อคุณพิจารณาถึงปัญหาที่คนเหล่านี้มี เปาโลก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่าเขามีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในทุกสิ่ง! ส าหรับผม นั่น แสดงว่าเปาโลเป็นผู้ย⁠ิ⁠่⁠ง⁠ใ⁠ห⁠ญ⁠่แห่งค⁠ว⁠า⁠มเชื่อ

ผมเชื่อว่า ค⁠ว⁠า⁠มสามารถในการมีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจต่อผู้อื่นเป็นเครื่องหมายของค⁠ว⁠า⁠มเป็นผู้ใหญ่ฝ่ ายวิญญาณ ผมเชื่ออีกด้วย ว่า ถ้าผมมีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในผู้คน ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจนั้นจะท าอะไรบางอย่างเพื่อพวกเขา เช่น ถ้าพ่อแม่มีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในลูกๆ ข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠า ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจนั้นจะยกชูลูกๆ ข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠าขึ้น แต่ถ้าพ่อแม่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ลูกๆ ของตน มันจะท าให้ลูกๆ ข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠าตก ต ่าลง และรู้สึกไม่มั่นคง

พ่อแม่ที่มักวิพากย์วิจารณ์และไม่เคยชมเชยหรือชื่นชมลูกๆ ของตน อาจคิดว่าตัวเขาเองฉลาด แต่การชี้ให้เห็น ข้อบกพร่องในตัวคนๆ หนึ่งนั้น ไม่ได้พิสูจน์ว่าคุณเป็นคนฉลาด เพราะโดยปกติแล้ว ข้อบกพร่องของแต่ละบุคคลนั้นจะปรากฏ ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น การมีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจในผู้คนเป็นสิ่งที่ยากมากกว่าการสงสัยหรือวิพากย์วิจารณ์ สิ่งนี้ท าให้เราต้องอาศัยฤทธิ์เดช ของพระวิญญาณบรสิทุ ธิ์

ให้เรามาดูพระค าข้ออื่นๆเกี่ยวกับการไว้วางใจพี่น้องผู้เชื่อของเรา

“ขา้พเจา้มีค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจในตวัทา่ นในองคพ์ ระผเู้ป็นเจา้วา่ ทา่ นจะไม่มีค⁠ว⁠า⁠มคดิอย่างอนื่ แต่ผูท้ มี่ า รบกวนท่านนนั้ จะเป็นใครกต็ามจะตอ้งไดร้บัโทษ” (กาลาเทีย 5:10)
“ขา้พเจา้แนใ่ จอย่างนวี้า่ พระองคผ์ูท้รงเร่ิมตน้ การดไีวใ้นพวกท่าน จะทรงทา ใหส้า เร็จจนถึงวนัแห่ง พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠ย⁠ซ⁠ูคริสต” (ฟิลิปปี ์ 1:6)

คุณให้ค⁠ว⁠า⁠มเชื่อมั่นต่อพี่น้องผู้เชื่อในค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รของคุณอย่างนี้ได้ไหม? คุณเชื่อจริง ๆ ไหมว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงท า สิ่งที่เริ่มต้นในชีวิตข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠าให้ส าเร็จ หากคุณเชื่อเช่นนั้น คุณจะรู้สึกแตกต่างออกไปเกี่ยวกับผู้คนที่คุณสามัคคีธรรมด้วย คุณ อาจยังคงรับรู้ถึงปัญหาข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠า แต่คุณจะเห็นพวกเขาในบริบทที่แตกต่างออกไป

ค⁠ว⁠า⁠มเชื่อมั่นของผมคือ พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าไม่เคยเริ่มต้นอะไรที่พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ไม่สามารถท าให้ส าเร็จได้ ผมใช้สิ่งนี้กับเรื่องของผมด้วย เมื่อพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠ารับผมเข้ามา พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงรับผมไว้พร้อมกับปัญหามากมาย อย่างไรก็ตาม พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงรับปัญหาเหล่านั้นด้วยค⁠ว⁠า⁠ม มั่นใจว่าพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์จะสามารถจัดการกับมันได้

ตอนที่ผมได้รับค⁠ว⁠า⁠มรอดใหม่ๆ นั้น ผมเคยเป็นนักวิชาการและนักปรัชญา ผมคิดว่าพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าค่อนข้างโชคดีที่ได้ผมมา! แต่ เมื่อพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงเริ่มจัดการกับผม ผมจึงตระหนักว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ผมเห็นว่าเมื่อพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงรับผมเข้ามานั้น พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรง รับปัญหาเข้ามามากมายที่ท าให้พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ต้องใช้ค⁠ว⁠า⁠มอดทนและสติปัญญาอย่างไม่มีสิ้นสุดเพื่อจะจัดการกับมัน แต่ผมขอบคุณ พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าที่วันนี้ผมมีค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจร่วมกับพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ว่าพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์จะทรงท าสิ่งที่ทรงเริ่มต้นให้ส าเร็จ — แม้แต่ในตัวผมเอง เปาโลก⁠ล⁠่⁠า⁠ว ยืนยันอย่างน่าทึ่งอีกครั้งใน 2 เธสะโลนิกา 3:3–4

“แต่วา่ องคพ์ ระผูเ้ป็นเจา้ทรงซื่อสตัย์จะทรงเสริมกา ลงัของท่าน และทรงป้องกนัท่านไวใ้หพ้ น้จาก มารร้าย 4 เรากม็ ่นัใจในองคพ์ ระผเู้ป็นเจา้วา่ ท่านกา ลงัทา และจะทา ส่งิทเี่รากา ชบั ท่านต่อไป” (2 เธสะโลนิกา 3:3–4)

มีศิษยาภิบาลกี่คนที่สามารถพูดเกี่ยวกับคนที่อยู่ภายใต้การน าข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠าเช่นเดียวกับที่เปาโลได้ท า? หากศิษยาภิบาล เชื่อในคนข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠า มันจะกระตุ้นพวกเขาและหนุนใจพวกเขาให้มั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ถ้าสิ่งที่ศิษยาภิบาลทุกคน มองเห็นคือ ปัญหาข⁠อ⁠ง⁠พ⁠ว⁠ก⁠เ⁠ข⁠า ในไม่ช้าพี่น้องผู้เชื่อจะตกอยู่ภายใต้การก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษตนเองและค⁠ว⁠า⁠มท้อแท้ใจ

ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจจะปลดปล่อยผู้ที่คุณให้ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจเป็นอิสระ ครั้งหนึ่งจิม มัวร์ ได้ก⁠ล⁠่⁠า⁠วไว้ว่า “เมื่อสามีทะเลาะกับภรรยา อาวุธที่ย⁠ิ⁠่⁠ง⁠ใ⁠ห⁠ญ⁠่ที่สุดส าหรับใช้โจมตีเธอ คือ การท าให้เธอตกอยู่ภายใต้การก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษ” ผู้ที่เป็นสามีครับ เมื่อคุณท าให้ภรรยาของ คุณตกอยู่ภายใต้การก⁠ล⁠่⁠า⁠วโทษ คุณก็ก าลังเตรียมตัวเองให้พร้อมเผชิญกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง แต่หากคุณหนุนใจพวก เธอด้วยค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจที่คุณมีในตัวพวกเธอ มันจะยกพวกเธอขึ้นสู่สันติสุขและค⁠ว⁠า⁠มมั่นคงปลอดภัย

คาเตือนเกี่ยวกับการสูญเสียค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจ

ให้เรามาดูค าเตือนต่างๆเพื่อไม่ให้เราละทิ้งค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ ซึ่งค าเตือนทั้งหมดนี้มาจากจดหมายฝากถึงชาวฮีบรู ปัญหาใหญ่ ที่สุดของชาวฮีบรูคือ แม้ว่าพวกเขาได้เริ่มต้นด้วยค⁠ว⁠า⁠มเชื่อ แต่ภายหลังพวกเขาหันกลับไปสู่การพ⁠ึ⁠่⁠ง⁠พ⁠าการกระท าของตนเอง พวก เขาเริ่มต้นด้วยเสรีภาพในองค์พระวิญญาณ แต่ต่อมาพวกเขาได้หันกลับไปสู่ศาสนา พิธีกรรม และกฏระเบียบ และสิ่งเหล่านี้ไม่มี รากฐานที่มั่นคงเพียงพอให้เกิดค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจได้

มีค าเตือน 5ข้อในจดหมายฝากถึงชาวฮีบรูฉบับนี้ซึ่งทั้งหมดเขียนถึงผู้เชื่อ เราจะส ารวจ 3 ใน 5 ข้อซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ค าเตือนที่หนักแน่นที่สุดในพันธสัญญาใหม่ สาระส าคัญที่ผู้เขียนก⁠ล⁠่⁠า⁠วไว้คือ “อย่าล้มเลิกค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจของคุณ อย่ากลายเป็น คนเคร่งศาสนาจนคุณไม่สามารถมีค⁠ว⁠า⁠มสุขและเพลิดพลินไปกับพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าได้และอย่าเคร่งเครียดจนศาสนาของคุณ ไม่ใช่เรื่องทีน่ ่าชื่นชมยินดีอีกต่อไป” อย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่คุณควรท าจนสูญเสียค⁠ว⁠า⁠มเพลิดเพลินในการท าสิ่งนั้นไป

หนึ่งในสิ่งมีค่าย⁠ิ⁠่⁠ง⁠ใ⁠ห⁠ญ⁠่ที่สุดของชีวิตฝ่ ายวิญญาณคือ ส่ิงที่เกิดขึน้ เองอย่างเหนือธรรมชาติเราไม่สามารถสูญเสียมัน ไปได้ เมื่อผมมองย้อนกลับไปในชีวิตของผม ผมพบว่าการตัดสินใจครั้งส าคัญๆ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยค⁠ว⁠า⁠มบังเอิญ นั่นไม่ได้ท าให้ ผมดูเป็นคนฝ่ ายวิญญาณมาก แต่มันเป็นค⁠ว⁠า⁠มจริง ยกตัวอย่างเช่น การที่ผมมาสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ. 1963 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน ครั้งส าคัญในชีวิตทั้งหมดของผมนั้น ก็เกิดขึ้นโดยค⁠ว⁠า⁠มบังเอิญ

แผนงานและการเตรียมการทั้งหมดที่เราสามารถท าได้นั้นไม่เพียงพอ มันไม่สามารถท าให้งานส าเร็จได้ แผนงานที่ท า อย่างเคร่งครัดในระดับค⁠ว⁠า⁠มสามารถของมนุษย์สามารถผลิตได้เพียง อิชมาเอล อิชมาเอลเป็นคนที่ดีที่สุดที่อ⁠ั⁠บ⁠ร⁠า⁠ฮ⁠ั⁠มสามารถท า ให้ส าเร็จได้โดยปราศจากพระคณุ และฤทธิ์อา นาจท่ีเหนือธรรมชาติของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า แต่อิชมาเอลก็ยังไม่ดีพอ

การทดสอบอย่างหนึ่งที่ผมใช้เพื่อตัดสินว่าบางสิ่งนั้นมาจากพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าหรือไม่คือ การดูว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นอย่างเหนือธรรมชาติ หรือไม่ หากสิ่งนั้นเป็นผลมาจากการวางแผนและการจัดการของผมแต่เพียงอย่างเดียว ผมคงยิ่งต้องตั้งค าถามว่า สิ่งนั้นมาจาก พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าหรือไม่ ผมเชื่อในสิ่งที่ท าได้จริงและการลงมือท าให้เกิดขึ้น แต่ต้นกาเนิดจะต้องเป็นส่ิงทีเ่หนือธรรมชาติ

นั่นคือค⁠ว⁠า⁠มแตกต่างระหว่างอิชมาเอลและอิสอัค อิชมาเอลมีต้นก าเนิดมาจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ แต่อิสอัคมีต้นก าเนิด มาจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติ อิสอัคอยู่เหนือค⁠ว⁠า⁠มคิดและค⁠ว⁠า⁠มสามารถของอ⁠ั⁠บ⁠ร⁠า⁠ฮ⁠ั⁠มมากเท่ากับสวรรค์ที่อยู่เหนือแผ่นดินโลก

“‘เพราะค⁠ว⁠า⁠มคิดของเราไม่ใช่ค⁠ว⁠า⁠มคิดของเจ้า และทางของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา” พระยาห์ เวห์ตรสั ดงันีแ้หละ “เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกอย่างไร ทางของเราก็สูงกว่าทางของ พวกเจ้า และค⁠ว⁠า⁠มคดิของเราก็สูงกว่าค⁠ว⁠า⁠มคดิของเจา้อย่างนนั้’” (อิสยาห์ 55:8-9)

คุณและผมวางแผนจากระดับของโลก แต่พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงริเริ่มจากระดับของสวรรค์ นั่นไม่ได้หมายค⁠ว⁠า⁠มว่า มันจะไม่มีผล บนโลกนี้แต่พวกเราจะต้องแน่ใจว่าสิ่งนั้นเริ่มต้นในมิติของสวรรค์

สิ่งที่เป็นผลจากการวางแผนของมนุษย์แต่อย่างเดียวนั้น จะไม่สามารถรอดผ่านค⁠ว⁠า⁠มกดดันต่างๆ ที่พวกเราต้องเผชิญได้ การแต่งงานของผมกับภรรยาคนแรก ‘ลิเดีย’ มีจุดริเริ่มอย่างเหนือธรรมชาติ พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าทรงส าแดงให้ผมได้เห็นผู้ที่ผมจะแต่งงานด้วย และในเวลาต่อมา ลิเดียกับผมต้องเผชิญกับค⁠ว⁠า⁠มกดดัน ซึ่งเราคงผ่านมันไม่ได้แน่นอนหากการแต่งงานของเราเป็นผลจากการ วางแผนของมนุษย์

สิ่งนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับการแต่งงานของผมกับภรรยาคนที่สอง ‘รูธ’ น ้าพระทัยของพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าในเรื่องนี้ถูกเปิดเผยกับเราแต่ ละคนเป็นการส่วนตัวอย่างเหนือธรรมชาติและเป็นอิสระ การแต่งงานโดยตัวของมันเองก็เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้เริ่มจาก ระดับของมนุษย์ พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าเองเป็นผู้คิดเรื่องการแต่งงานขึ้น และนี่เป็นเหตุผลว่าท าไมการแต่งงานจึงเป็นพิธีที่ศกัดิ์สิทธิ์

มีข้อพระค าที่เจาะจง 3 ตอนในพระธรรมฮีบรูซึ่งมีเงื่อนไขตั้งอยู่บนพื้นฐานของค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ ข้อแรกในฮบีรู 3:6:

“แต่พระคริสตน์ นั้ ทรงซื่อสตัยใ์นฐานะพระบตุ ร ผูอ้ยเู่ หนอืชมุ นมุ ชนของพระเจา้ และเรากเ็ป็น ชมุ นมุ ชนนนั้ หากเพียงแต่เราจะยึดค⁠ว⁠า⁠มม่ันใจและค⁠ว⁠า⁠มภาคภูมิใจ (ชื่นชมยินดี) ในค⁠ว⁠า⁠ม หวงันนั้ ไว”้

ในฉบับแปลภาษาอังกฤษน⁠ิ⁠ว⁠ค⁠ิ⁠ง⁠เ⁠จ⁠ม⁠ส⁠์(NKJV) ใช้ค าว่า ‘ชนื่ ชมยนิ ดี’ แต่ในฉบับนิวอเมริกันสแตนดาร์ด (NAS) ใช้ค าว่า ‘ค⁠ว⁠า⁠มภาคภูมิใจ’ (ตรงกับฉบับบแปลมาตรฐาน 2011 ของไทย - ผูแ้ปล) เราได้เห็นแล้วว่า ค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ แสดงออกโดยการมี “เสรีภาพในการพูด”—พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าต้องการให้เราภาคภูมิใจ (พูดสรรเสริญ - ผูแ้ปล) เกี่ยวกับพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ นั่นคือเงือ่ นไขของการเป็น ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠จ⁠ั⁠ก⁠รทีแ่ ท้จริงคอื การทีเ่รายึดม่ันในค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจของเราและภาคภูมิใจในพ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าจนถึงทีส่ ุด

ข้อทสี่ องในพระธรรมฮีบรู 3:14:

“เพราะเรามีสว่ นร่วมกบัพ⁠ร⁠ะ⁠ค⁠ร⁠ิ⁠ส⁠ต⁠์ถา้เราเพยีงแต่ยดึค⁠ว⁠า⁠มม่นัใจทเี่รามีอยู่ในตอนตน้ไวใ้หม้่นัคง จนถึงทสี่ ดุ”

พระค าข้อนี้แสดงให้เราเห็นว่า ค⁠ว⁠า⁠มรอดของเรามีเงื่อนไขที่ขึ้นอยู่กับการไม่ล้มเลิกค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจของเรา ค าศัพท์ทาง ศาสนศาตร์ดั้งเดิมเป็นที่รู้จักกันโดยใช้ค าว่า ‘ค⁠ว⁠า⁠มบากบั่นพากเพียรของผู้ชอบธรรม’ ผู้ที่ไม่บากบั่นพากเพียร ก็ขาดคุณสมบัติใน การเป็นผู้ชอบธรรม

สุดท้ายนี้ ขอให้พวกเรามองไปที่ ฮีบรู10:35-36 ในพระธรรมข้อนี้ เราจะพบการใช้อาวุธของทหารมาเป็นค า เปรียบเทียบถึงค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจ

“เพราะฉะนนั้ อย่าละทงิ้ค⁠ว⁠า⁠มไวว้างใจของทา่ น อนัจะนา มาซ่งึบา เหนจ็ย่ิงใหญ่ 36ท่านทงั้หลาย จา เป็นตอ้งมีค⁠ว⁠า⁠มทรหดอดทน เพอื่ ท่านจะสามารถทา ตามพระทยัของพระเจา้ได้แลว้ทา่ นก็จะ ไดร้บั ส่งิทที่ รงสญั ญาไวน้นั้” (ฮีบรู 10:35-36)

ยุทธภัณฑ์ของทหารชิ้นส าคัญชิ้นหนึ่งคือ โล่ของเขา ในวรรณกรรมกรีกค⁠ว⁠า⁠มอัปยศที่สุดส าหรับทหารคือ การทิ้งโล่ของ เขาและหนีออกจากสนามรบโดยปราศจากโล่ เมื่อผู้เขียน พูดในที่นี่ว่า "อย่า (ละ) ทิ้ง" ผมเชื่อว่าเขาก าลังนึกถึงค⁠ว⁠า⁠มอัปยศในการ ทิ้งโล่ของคุณ ดังนั้นพ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์จึงตรัสว่า “อย่าละทิ้งค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจซึ่งเป็นโล่ของท่าน อย่าทิ้งมันไป เพราะจะมีบ าเหน็จใหญ่รอท่านอยู่ หากท่านยึดค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจไว้ให้มั่น ”เราต้องก าโล่แห่งค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจของเรานั้นไว้ให้มั่นและต้องตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยมันไปไม่ว่าจะต้อง แลกด้วยอะไรก็ตาม

เมื่อมองไปข้างหน้า เราสามารถเห็นได้ว่า อนาคตมีทั้งค⁠ว⁠า⁠มท้าทายและค⁠ว⁠า⁠มน่ากลัว สันติสุขก าลังถูกคุกคามในทุกแห่ง ทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลงที่ท าให้เกิดวามวุ่นวาย และค⁠ว⁠า⁠มไม่แน่นอนในแต่ละวัน กระนั้นก็ตาม เหนือสิ่งเหล่านี้ ในฐานะที่เรา เป็นคริสเตียน เรามีกษัตริย์ผู้ทรงมีแผนการและค าตอบส าหรับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงของเรา พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงเป็นผู้นั้นที่ก⁠ล⁠่⁠า⁠วว่า พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงเป็นทีล่ ีภ้ัยในยามทีเ่ราเผชิญพายุอาณาจักรที่พ⁠ร⁠ะ⁠อ⁠ง⁠ค⁠์ทรงปกครองนั้นเป็นอาณาจักรทีไ่ ม่สั่นคลอน และ เราเองก็ถูกสร้างบนรากฐานซึ่งไม่สามารถถูกเคลื่อนไปได้

ดังนั้น เราสามารถน าพ⁠ร⁠ะ⁠ส⁠ั⁠ญ⁠ญ⁠าทุกข้อจากพระธรรมสุภาษิต 3:23-26 มาใช้กับตัวเราได้ ซึ่งเป็นพ⁠ร⁠ะ⁠ส⁠ั⁠ญ⁠ญ⁠าที่พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠า ทรงมอบให้กับผู้ที่ให้พ⁠ร⁠ะ⁠เ⁠จ⁠้⁠าเป็นค⁠ว⁠า⁠มมั่นใจของเขา:

“แลว้เจา้จะดา เนินในทางของเจา้อย่างปลอดภยั และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด เมื่อเจ้านอน เจ้า จะไม่หวาดผวา เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับสบาย อย่ากลวัค⁠ว⁠า⁠มสยดสยองที่มาถึงอย่างฉบั พลัน หรือกลวัค⁠ว⁠า⁠มย่อยยบั ทีม่ าถึงคนอธรรม เพราะพ⁠ร⁠ะ⁠ย⁠า⁠ห⁠์⁠เ⁠ว⁠ห⁠์จะเป็นค⁠ว⁠า⁠มไว้วางใจของเจ้า และ จะทรงปกป้องเทา้ของเจา้จากการถูกจบั” (สุภาษิต 3:23-26)
14
แบ่งปัน