ความมั ่นใจ

Teaching Legacy Letter
*First Published: 2006
*Last Updated: ธันวาคม 2025
14 min read
หากคุณสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนมั่นใจได้ว่า เศรษฐกิจของประเทศเราก าลังจะล่มสลาย และคุณสามารถท าให้ทุกคนพูด กันแต่เรื่องนี้ได้ คุณคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? เศรษฐกิจก็จะล่มสลาย! เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เศรษฐกิจของเรามีรากฐานประการ หนึ่งที่ส าคัญ คือ ความม่ันใจ สิ่งนี้เป็นจริงกับทุกระบบที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน — การเงิน การเมือง หรือเรื่องฝ่ ายจิตวิญญาณ นั่นคือ หากความม่ันใจถูกบั่นทอน แน่นอน มันจะน าไปสู่ความหายนะ
ในบทความนี้ ผมอยากจะส ารวจ 3 ประเด็นหลักซึ่ง เกี่ยวข้องกับความมั่นใจ ได้แก่ ความม่ันใจในพระเจ้า ความม่ันใจที่มีต่อพี่น้องผู้เชื่อ และค าเตือนต่างๆ เกี่ยวกับการ สูญเสียความม่ันใจ
ความม่ันใจในพระเจ้า
ผมอยากจะส ารวจตัวอย่างต่างๆเกี่ยวกับความมั่นใจในพระเจ้า โดยเริ่มจากในพันธสัญญาเดิม และจากนั้นในพันธ สัญญาใหม่ หากคุณเข้ามาถึงข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ด้วยความเชื่อ ผมเชื่ออย่างแท้จริงว่า หัวใจของคุณจะได้รับการเติมเต็มด้วย ความม่ันใจตามแบบอย่างของพระเจ้า แล้วเสียงแห่งความม่ันใจและชัยชนะอันย่ิงใหญ่ ก็จะดังขึน้ และจะดังมากย่ิงขึน้ เหมือนดังตอนต้นของ สดุดี 27:1-3 กล่าวไว้
“พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ขา้พเจา้จะกลวัผูใ้ดเล่า? พระยาห์เวห์ ทรงเป็นที่ก าบังอันแข็งแกร่งแห่งชีวิตขา้พเจา้ ขา้พเจ้าจะเกรงผูใ้ดเล่า? เมื่อพวกคนช่วัมาหา ข้าพเจ้า เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า คือบรรดาคู่อริและศตัรูของขา้พเจา้พวกเขาจะสะดุดและลม้ ลง แมก้องทพั ตงั้ค่ายสูข้า้พเจา้ ใจข้าพเจ้าจะไม่กลัว แม้สงครามถาโถมใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังวางใจ (ม่นัใจใน) พระเจา้อยู่”
เคล็ดลับแห่งชัยชนะของดาวิดตลอดชีวิตของเขาคือ ความม่ันใจอย่างย่ิงทีเ่ ขามีในพระเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่า ศัตรูจะมาจู่โจมเพื่อจะรุมกินเนื้อของเขา หรือกองทัพลุกฮือขึ้นเพื่อท าสงครามกับเขา เขาก็ยังมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าง แรงกล้า และเรายังพบภาพความมั่นใจที่งดงามอีกภาพหนึ่งในสุภาษิต 3:23-26
“แลว้เจา้จะดา เนินในทางของเจา้อย่างปลอดภยัและเทา้ของเจา้จะไม่สะดุด เมื่อเจ้านอน เจ้า จะไม่หวาดผวา เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับสบาย อย่ากลวัความสยดสยองที่มาถึงอย่างฉบั พลนั หรือกลวัความย่อยยบั ทีม่ าถึงคนอธรรม เพราะพระยาห์เวห์จะเป็นความไว้วางใจ (ความม่นัใจ) ของเจ้า และจะทรงปกป้องเทา้ของเจา้จากการถูกจบั”
พระคัมภีร์สอนเราอย่างสม ่าเสมอว่า คนของพระเจ้าไม่จ าเป็ นต้องกลัว นั่นเป็นเหตุผลที่ผมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ ค าสอนหรือค าเผยพระวจนะที่ส่งต่อความกลัวให้กับคนของพระเจ้า พระเจ้าก าลังตรัสตรงนี้ว่า “เมื่อคนชั่วร้ายน าความยุ่งยาก หรือปัญหามาให้คุณมันไม่ใช่ปัญหาของคุณ หากคุณไม่ใช่คนชั่วร้าย มันจะไม่มีทางโจมตีคุณได้” สุภาษิต 3:26 บอกกับ เราว่า เราจะหาความมั่นใจได้จากที่ใด “พระยาห์เวห์จะเป็ นความไว้วางใจ (ความมั่นใจ) ของเจ้า และจะทรงปกป้องเท้า ของเจ้าจากการถูกจับ” องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง พระองค์ทรงควบคุมอยู่เสมอ พระองค์ไม่เคยสับสน เพราะพระองค์ ไม่เคยพบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือเหตุฉุกเฉิน พระองค์ทรงมีค าตอบเสมอ
สุภาษิต 14:26 กล่าวว่า “ผูท้ ยี่ า เกรงพระยาห์เวห์ย่อมมีสวสัดภิาพ (อยู่อย่างม่นัใจมาก - ฉบับคิงเจมส์) ลูกหลานของเขา จะมีที่ลีภ้ ัย” ถ้าเรามีทัศนคติที่ถูกต้องต่อพระเจ้า ไม่มีความจ าเป็นที่เราจะวิตกกังวล เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ก าบังและเป็น สถานที่ของการปกป้อง
ในพันธสัญญาเดิม อิสยาห์กล่าวว่า:
“เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายคือ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรสั ดงันีว้่า “ในการหันกลับและ หยุดน่ิง เจา้ทงั้หลายจะรอด การเงียบสงบและการไว้วางใจ (ความม่นัใจ – ฉบับภาษาอังกฤษ NKJV) จะเป็นกา ลงัของเจา้ แต่เจา้ก็ไม่ยอมทา ตาม และเจา้ทงั้หลายว่า ‘ไม่เอา เราจะขี่มา้หนี ไป’ เพราะฉะนนั้ พวกเจา้ก็จะหนไีป และว่า ‘เราจะขีม่ า้เร็วจดั’ เพราะฉะนนั้ ผูไ้ล่ตามเจา้จะเรว็จดั” (อิสยาห์ 30:15-16)
พระเจ้าทรงก าลังเรียกประชากรของพระองค์ให้กลับมาหาพระองค์ เพื่อพักสงบและวางใจ (มั่นใจ) ในพระองค์ ผู้ที่ ปฏิเสธการทรงเรียกของพระเจ้าให้อยู่อย่างสงบ ไว้วางใจ และมั่นใจ ในไม่ช้าจะได้เรียนรู้ว่าปัญหาของพวกเขาได้ฝังพวกเขาไว้ ทั้งๆ ที่พวกเขาวางแผนที่จะหนีจากมัน นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ ้าแล้วซ ้าเล่าในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เมื่อคนของพระเจ้าเชื่อฟัง พระองค์ ศัตรูของพวกเขาก็พ่ายแพ้ และอิสราเอลก็มีสันติสุข แต่เมื่ออิสราเอลพึ่งพาก าลังของตนเอง พวกเขาก็พ่ายแพ้ และในที่สุด ก็กระจัดกระจายออกไปอยู่ตามประเทศต่างๆ
ในพันธสัญญาใหม่ ค าภาษากรีกที่แปลว่า ความม่ันใจ นั้น เป็นค าที่ทรงพลังมาก มักถูกใช้อย่างจ าเพาะเจาะจงเมื่อ กล่าวถึงความม่ันใจในการพูด โดยทั่วไปในภาษากรีก ค านี้หมายถึง “เสรีภาพในการพูด” หรือสิทธิ์ในการพดู สิ่งท่ีคุณคิด –ซึ่ง เกือบจะเทียบเท่ากับเสรีภาพในการพูดที่ได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญของประเทศสหรัฐอเมริกา หมายความว่าคุณไม่ จ าเป็นต้องเงียบเสียงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเชื่อ คุณมีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ที่จะพูดถึงสิ่งนั้น และไม่มีใครสามารถปิดปากคุณได้ นี่คือ ถ้อยค าตาม “สิทธิพื้นฐานของพลเมือง” (Bill-of-rights)
ในพันธสัญญาใหม่ พระค าแรกที่เราจะดูด้วยกันนั้น เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในพระเจ้าส าหรับการอธิษฐาน
“ท่านทรี่ กัทงั้หลาย ถ้าใจของเราไม่ได้กล่าวโทษเรา เราก็มีความม่นัใจทจี่ ะเขา้เฝา้พระเจา้ และเมือ่ เราขอส่งิใด ก็ไดส้่งินนั้ จากพระองค์ เพราะเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามชอบพระทัยพระองค์” (1 ยอห์ 3:21-22)
ขอให้คุณสังเกตตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง: รากฐานที่จ าเป็นส าหรับค าอธิษฐานเพื่อให้ได้รับค าตอบ คือ ความม่ันใจ อย่ายอมให้ มารขโมยความมั่นใจของคุณไป คุณควรฝึกฝนใชส้ิทธิ์ในการอธิษฐานทูลขออย่างมีเสรีภาพ เนื่องจากพระเยซูได้ทรงซื้อสิ่งนี้ไว้ ให้กับคุณแล้ว มันถูกเขียนไว้ในธรรมนูญชีวิตของคุณ
การโจมตีของศัตรูอีกประการหนึ่งที่ท าให้คริสเตียนหลายคนต้องเผชิญกับความยากล าบากคือ การกล่าวโทษ ในโรม บทที่8 ได้แสดงให้เราเห็นว่าชีวิตฝ่ ายวิญญาณนั้นเป็นชีวิตแห่งเสรีภาพและอิสรภาพ ซึ่งไม่มีแม้แต่เงาของการถูกกล่าวโทษ คุณ ไม่สามารถเข้าสู่หรือด าเนินชีวิตตามที่ระบุไว้ในโรมบทที่ 8 ได้ หากคุณด าเนินชีวิตภายใต้การกล่าวโทษ สิ่งจ าเป็นที่ขาดไม่ได้นี้ได้ ถูกกล่าวไว้ตั้งแต่เริ่มต้นของบท “เพราะฉะนนั้ ไม่มีการกล่าวโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์คือ ผูท้ี่ไม่ไดด้า เนินตามเนื้อหนัง แต่ ดา เนนิตามพระวญิ ญาณ” (โรม 8:1)
การกล่าวโทษ เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อเสรีภาพ ความชื่นชมยินดี สันติสุข และฤทธิ์อ านาจของพระวิญญาณ บรสิทุ ธิ์แต่ทศันคติท่ีถกู ตอ้งของความม่นัใจจะช่วยใหเ้ราเอาชนะอปุ สรรคนี้ในชีวิตของเราได้
ความมั่นใจที่มีต่อพี่น้องผู้เชื่อ
ด้านที่สองของความมั่นใจคือ การมีความมั่นใจต่อพี่น้องผู้เชื่อของเรา เราทุกคนอาจเห็นพ้องต้องกันว่า สิ่งนี้ยากยิ่งกว่า การมีความมั่นใจในพระเจ้าเสียอีก
สิ่งที่น่าสนใจคือ ค าว่า ความม่ันใจ ในภาษาอังกฤษแปลมาจากค าภาษากรีกที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นความมั่นใจ ในพระเจ้าหรือในมนุษย์ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน พระเจ้าไม่ได้ทรงคาดหวังให้เราใช้ความมั่นใจต่อพี่น้องผู้เชื่อของเราแบบเดียวกับที่ พระองค์ทรงเรียกร้องให้เรามีต่อพระองค์ แต่พระองค์ทรงคาดหวังให้เราใช้ความไว้วางใจ แม้ค าว่า ‘ความไว้วางใจ’ ในภาษา กรีกโบราณนั้น มีความหมายสะท้อนถึงทัศนคติของเราที่ควรมีต่อพี่น้องคริสเตียน แต่ในพระคัมภีร์ฉบับแปลนิวคิงเจมส์(NKJV) เลือกใช้ค าว่า ความม่ันใจ (confidence)
คุณจะเห็นความมั่นใจต่อพี่น้องผู้เชื่อได้อย่างชัดเจนจากจดหมายฝากของเปาโล ท่านเองก็มีคนที่จัดการได้ยาก เช่นเดียวกับที่พวกเรามีในปัจจุบัน ท่านต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่ยากจะจัดการของชาวโครินธ์ทั้งการดื่มเหล้าเมามายที่โต๊ะมหา สนิท การใช้ของประทานของพระวิญญาณในทางที่ผิด นอกจากนี้ ยังมีชายคนหนึ่งอยู่กินกับภรรยาของพ่อตนเอง และพวกเขายัง ต้องการคนชี้แนะเกี่ยวกับการใช้เงิน แท้จริงแล้ว พวกเขามีปัญหาเยอะมากๆอย่างไรก็ตาม ผมอยากให้คุณสังเกตสิ่งที่เปาโลพูด กับคนที่นั่นใน 2 โครินธ์หลังจากที่ท่านได้ชี้แจงพวกเขาไปในจดหมายฉบับก่อน (1โครินธ์- ผู้แปล)
“ขา้พเจา้เขียนขอ้ความนนั้ เพอื่ ว่า เมือ่ มาถงึแลว้ขา้พเจา้จะไม่ไดร้บั ความทกุ ข์โศกจากคนเหล่านนั้ ทคี่ วรจะทา ใหข้า้พเจา้ชืน่ ชมยินดีขา้พเจา้ม่นัใจในทา่ นทกุ คนว่า เมือ่ ขา้พเจา้ยินดีพวกทา่ นทกุ คนก็จะยินดีด้วย” (2 โครินธ์2:3)
นั่นเป็นข้อความที่น่าทึ่งเมื่อคุณพิจารณาถึงปัญหาที่คนเหล่านี้มี เปาโลกล่าวว่าเขามีความมั่นใจในทุกสิ่ง! ส าหรับผม นั่น แสดงว่าเปาโลเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งความเชื่อ
ผมเชื่อว่า ความสามารถในการมีความมั่นใจต่อผู้อื่นเป็นเครื่องหมายของความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ ายวิญญาณ ผมเชื่ออีกด้วย ว่า ถ้าผมมีความมั่นใจในผู้คน ความมั่นใจนั้นจะท าอะไรบางอย่างเพื่อพวกเขา เช่น ถ้าพ่อแม่มีความมั่นใจในลูกๆ ของพวกเขา ความมั่นใจนั้นจะยกชูลูกๆ ของพวกเขาขึ้น แต่ถ้าพ่อแม่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ลูกๆ ของตน มันจะท าให้ลูกๆ ของพวกเขาตก ต ่าลง และรู้สึกไม่มั่นคง
พ่อแม่ที่มักวิพากย์วิจารณ์และไม่เคยชมเชยหรือชื่นชมลูกๆ ของตน อาจคิดว่าตัวเขาเองฉลาด แต่การชี้ให้เห็น ข้อบกพร่องในตัวคนๆ หนึ่งนั้น ไม่ได้พิสูจน์ว่าคุณเป็นคนฉลาด เพราะโดยปกติแล้ว ข้อบกพร่องของแต่ละบุคคลนั้นจะปรากฏ ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น การมีความมั่นใจในผู้คนเป็นสิ่งที่ยากมากกว่าการสงสัยหรือวิพากย์วิจารณ์ สิ่งนี้ท าให้เราต้องอาศัยฤทธิ์เดช ของพระวิญญาณบรสิทุ ธิ์
ให้เรามาดูพระค าข้ออื่นๆเกี่ยวกับการไว้วางใจพี่น้องผู้เชื่อของเรา
“ขา้พเจา้มีความม่นัใจในตวัทา่ นในองคพ์ ระผเู้ป็นเจา้วา่ ทา่ นจะไม่มีความคดิอย่างอนื่ แต่ผูท้ มี่ า รบกวนท่านนนั้ จะเป็นใครกต็ามจะตอ้งไดร้บัโทษ” (กาลาเทีย 5:10)
“ขา้พเจา้แนใ่ จอย่างนวี้า่ พระองคผ์ูท้รงเร่ิมตน้ การดไีวใ้นพวกท่าน จะทรงทา ใหส้า เร็จจนถึงวนัแห่ง พระเยซูคริสต” (ฟิลิปปี ์ 1:6)
คุณให้ความเชื่อมั่นต่อพี่น้องผู้เชื่อในคริสตจักรของคุณอย่างนี้ได้ไหม? คุณเชื่อจริง ๆ ไหมว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงท า สิ่งที่เริ่มต้นในชีวิตของพวกเขาให้ส าเร็จ หากคุณเชื่อเช่นนั้น คุณจะรู้สึกแตกต่างออกไปเกี่ยวกับผู้คนที่คุณสามัคคีธรรมด้วย คุณ อาจยังคงรับรู้ถึงปัญหาของพวกเขา แต่คุณจะเห็นพวกเขาในบริบทที่แตกต่างออกไป
ความเชื่อมั่นของผมคือ พระเจ้าไม่เคยเริ่มต้นอะไรที่พระองค์ไม่สามารถท าให้ส าเร็จได้ ผมใช้สิ่งนี้กับเรื่องของผมด้วย เมื่อพระเจ้ารับผมเข้ามา พระองค์ทรงรับผมไว้พร้อมกับปัญหามากมาย อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงรับปัญหาเหล่านั้นด้วยความ มั่นใจว่าพระองค์จะสามารถจัดการกับมันได้
ตอนที่ผมได้รับความรอดใหม่ๆ นั้น ผมเคยเป็นนักวิชาการและนักปรัชญา ผมคิดว่าพระเจ้าค่อนข้างโชคดีที่ได้ผมมา! แต่ เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มจัดการกับผม ผมจึงตระหนักว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ผมเห็นว่าเมื่อพระเจ้าทรงรับผมเข้ามานั้น พระองค์ทรง รับปัญหาเข้ามามากมายที่ท าให้พระองค์ต้องใช้ความอดทนและสติปัญญาอย่างไม่มีสิ้นสุดเพื่อจะจัดการกับมัน แต่ผมขอบคุณ พระเจ้าที่วันนี้ผมมีความมั่นใจร่วมกับพระองค์ว่าพระองค์จะทรงท าสิ่งที่ทรงเริ่มต้นให้ส าเร็จ — แม้แต่ในตัวผมเอง เปาโลกล่าว ยืนยันอย่างน่าทึ่งอีกครั้งใน 2 เธสะโลนิกา 3:3–4
“แต่วา่ องคพ์ ระผูเ้ป็นเจา้ทรงซื่อสตัย์จะทรงเสริมกา ลงัของท่าน และทรงป้องกนัท่านไวใ้หพ้ น้จาก มารร้าย 4 เรากม็ ่นัใจในองคพ์ ระผเู้ป็นเจา้วา่ ท่านกา ลงัทา และจะทา ส่งิทเี่รากา ชบั ท่านต่อไป” (2 เธสะโลนิกา 3:3–4)
มีศิษยาภิบาลกี่คนที่สามารถพูดเกี่ยวกับคนที่อยู่ภายใต้การน าของพวกเขาเช่นเดียวกับที่เปาโลได้ท า? หากศิษยาภิบาล เชื่อในคนของพวกเขา มันจะกระตุ้นพวกเขาและหนุนใจพวกเขาให้มั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ถ้าสิ่งที่ศิษยาภิบาลทุกคน มองเห็นคือ ปัญหาของพวกเขา ในไม่ช้าพี่น้องผู้เชื่อจะตกอยู่ภายใต้การกล่าวโทษตนเองและความท้อแท้ใจ
ความมั่นใจจะปลดปล่อยผู้ที่คุณให้ความมั่นใจเป็นอิสระ ครั้งหนึ่งจิม มัวร์ ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อสามีทะเลาะกับภรรยา อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดส าหรับใช้โจมตีเธอ คือ การท าให้เธอตกอยู่ภายใต้การกล่าวโทษ” ผู้ที่เป็นสามีครับ เมื่อคุณท าให้ภรรยาของ คุณตกอยู่ภายใต้การกล่าวโทษ คุณก็ก าลังเตรียมตัวเองให้พร้อมเผชิญกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง แต่หากคุณหนุนใจพวก เธอด้วยความมั่นใจที่คุณมีในตัวพวกเธอ มันจะยกพวกเธอขึ้นสู่สันติสุขและความมั่นคงปลอดภัย
คาเตือนเกี่ยวกับการสูญเสียความม่ันใจ
ให้เรามาดูค าเตือนต่างๆเพื่อไม่ให้เราละทิ้งความมั่นใจ ซึ่งค าเตือนทั้งหมดนี้มาจากจดหมายฝากถึงชาวฮีบรู ปัญหาใหญ่ ที่สุดของชาวฮีบรูคือ แม้ว่าพวกเขาได้เริ่มต้นด้วยความเชื่อ แต่ภายหลังพวกเขาหันกลับไปสู่การพึ่งพาการกระท าของตนเอง พวก เขาเริ่มต้นด้วยเสรีภาพในองค์พระวิญญาณ แต่ต่อมาพวกเขาได้หันกลับไปสู่ศาสนา พิธีกรรม และกฏระเบียบ และสิ่งเหล่านี้ไม่มี รากฐานที่มั่นคงเพียงพอให้เกิดความมั่นใจได้
มีค าเตือน 5ข้อในจดหมายฝากถึงชาวฮีบรูฉบับนี้ซึ่งทั้งหมดเขียนถึงผู้เชื่อ เราจะส ารวจ 3 ใน 5 ข้อซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ค าเตือนที่หนักแน่นที่สุดในพันธสัญญาใหม่ สาระส าคัญที่ผู้เขียนกล่าวไว้คือ “อย่าล้มเลิกความม่ันใจของคุณ อย่ากลายเป็น คนเคร่งศาสนาจนคุณไม่สามารถมีความสุขและเพลิดพลินไปกับพระเจ้าได้และอย่าเคร่งเครียดจนศาสนาของคุณ ไม่ใช่เรื่องทีน่ ่าชื่นชมยินดีอีกต่อไป” อย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่คุณควรท าจนสูญเสียความเพลิดเพลินในการท าสิ่งนั้นไป
หนึ่งในสิ่งมีค่ายิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตฝ่ ายวิญญาณคือ ส่ิงที่เกิดขึน้ เองอย่างเหนือธรรมชาติเราไม่สามารถสูญเสียมัน ไปได้ เมื่อผมมองย้อนกลับไปในชีวิตของผม ผมพบว่าการตัดสินใจครั้งส าคัญๆ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ นั่นไม่ได้ท าให้ ผมดูเป็นคนฝ่ ายวิญญาณมาก แต่มันเป็นความจริง ยกตัวอย่างเช่น การที่ผมมาสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ. 1963 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน ครั้งส าคัญในชีวิตทั้งหมดของผมนั้น ก็เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ
แผนงานและการเตรียมการทั้งหมดที่เราสามารถท าได้นั้นไม่เพียงพอ มันไม่สามารถท าให้งานส าเร็จได้ แผนงานที่ท า อย่างเคร่งครัดในระดับความสามารถของมนุษย์สามารถผลิตได้เพียง อิชมาเอล อิชมาเอลเป็นคนที่ดีที่สุดที่อับราฮัมสามารถท า ให้ส าเร็จได้โดยปราศจากพระคณุ และฤทธิ์อา นาจท่ีเหนือธรรมชาติของพระเจ้า แต่อิชมาเอลก็ยังไม่ดีพอ
การทดสอบอย่างหนึ่งที่ผมใช้เพื่อตัดสินว่าบางสิ่งนั้นมาจากพระเจ้าหรือไม่คือ การดูว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นอย่างเหนือธรรมชาติ หรือไม่ หากสิ่งนั้นเป็นผลมาจากการวางแผนและการจัดการของผมแต่เพียงอย่างเดียว ผมคงยิ่งต้องตั้งค าถามว่า สิ่งนั้นมาจาก พระเจ้าหรือไม่ ผมเชื่อในสิ่งที่ท าได้จริงและการลงมือท าให้เกิดขึ้น แต่ต้นกาเนิดจะต้องเป็นส่ิงทีเ่หนือธรรมชาติ
นั่นคือความแตกต่างระหว่างอิชมาเอลและอิสอัค อิชมาเอลมีต้นก าเนิดมาจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ แต่อิสอัคมีต้นก าเนิด มาจากสิ่งที่เหนือธรรมชาติ อิสอัคอยู่เหนือความคิดและความสามารถของอับราฮัมมากเท่ากับสวรรค์ที่อยู่เหนือแผ่นดินโลก
“‘เพราะความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของเจ้า และทางของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา” พระยาห์ เวห์ตรสั ดงันีแ้หละ “เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกอย่างไร ทางของเราก็สูงกว่าทางของ พวกเจ้า และความคดิของเราก็สูงกว่าความคดิของเจา้อย่างนนั้’” (อิสยาห์ 55:8-9)
คุณและผมวางแผนจากระดับของโลก แต่พระเจ้าทรงริเริ่มจากระดับของสวรรค์ นั่นไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่มีผล บนโลกนี้แต่พวกเราจะต้องแน่ใจว่าสิ่งนั้นเริ่มต้นในมิติของสวรรค์
สิ่งที่เป็นผลจากการวางแผนของมนุษย์แต่อย่างเดียวนั้น จะไม่สามารถรอดผ่านความกดดันต่างๆ ที่พวกเราต้องเผชิญได้ การแต่งงานของผมกับภรรยาคนแรก ‘ลิเดีย’ มีจุดริเริ่มอย่างเหนือธรรมชาติ พระเจ้าทรงส าแดงให้ผมได้เห็นผู้ที่ผมจะแต่งงานด้วย และในเวลาต่อมา ลิเดียกับผมต้องเผชิญกับความกดดัน ซึ่งเราคงผ่านมันไม่ได้แน่นอนหากการแต่งงานของเราเป็นผลจากการ วางแผนของมนุษย์
สิ่งนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับการแต่งงานของผมกับภรรยาคนที่สอง ‘รูธ’ น ้าพระทัยของพระเจ้าในเรื่องนี้ถูกเปิดเผยกับเราแต่ ละคนเป็นการส่วนตัวอย่างเหนือธรรมชาติและเป็นอิสระ การแต่งงานโดยตัวของมันเองก็เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้เริ่มจาก ระดับของมนุษย์ พระเจ้าเองเป็นผู้คิดเรื่องการแต่งงานขึ้น และนี่เป็นเหตุผลว่าท าไมการแต่งงานจึงเป็นพิธีที่ศกัดิ์สิทธิ์
มีข้อพระค าที่เจาะจง 3 ตอนในพระธรรมฮีบรูซึ่งมีเงื่อนไขตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมั่นใจ ข้อแรกในฮบีรู 3:6:
“แต่พระคริสตน์ นั้ ทรงซื่อสตัยใ์นฐานะพระบตุ ร ผูอ้ยเู่ หนอืชมุ นมุ ชนของพระเจา้ และเรากเ็ป็น ชมุ นมุ ชนนนั้ หากเพียงแต่เราจะยึดความม่ันใจและความภาคภูมิใจ (ชื่นชมยินดี) ในความ หวงันนั้ ไว”้
ในฉบับแปลภาษาอังกฤษนิวคิงเจมส์(NKJV) ใช้ค าว่า ‘ชนื่ ชมยนิ ดี’ แต่ในฉบับนิวอเมริกันสแตนดาร์ด (NAS) ใช้ค าว่า ‘ความภาคภูมิใจ’ (ตรงกับฉบับบแปลมาตรฐาน 2011 ของไทย - ผูแ้ปล) เราได้เห็นแล้วว่า ความมั่นใจ แสดงออกโดยการมี “เสรีภาพในการพูด”—พระเจ้าต้องการให้เราภาคภูมิใจ (พูดสรรเสริญ - ผูแ้ปล) เกี่ยวกับพระองค์ นั่นคือเงือ่ นไขของการเป็น คริสตจักรทีแ่ ท้จริงคอื การทีเ่รายึดม่ันในความม่นัใจของเราและภาคภูมิใจในพระเจ้าจนถึงทีส่ ุด
ข้อทสี่ องในพระธรรมฮีบรู 3:14:
“เพราะเรามีสว่ นร่วมกบัพระคริสต์ถา้เราเพยีงแต่ยดึความม่นัใจทเี่รามีอยู่ในตอนตน้ไวใ้หม้่นัคง จนถึงทสี่ ดุ”
พระค าข้อนี้แสดงให้เราเห็นว่า ความรอดของเรามีเงื่อนไขที่ขึ้นอยู่กับการไม่ล้มเลิกความมั่นใจของเรา ค าศัพท์ทาง ศาสนศาตร์ดั้งเดิมเป็นที่รู้จักกันโดยใช้ค าว่า ‘ความบากบั่นพากเพียรของผู้ชอบธรรม’ ผู้ที่ไม่บากบั่นพากเพียร ก็ขาดคุณสมบัติใน การเป็นผู้ชอบธรรม
สุดท้ายนี้ ขอให้พวกเรามองไปที่ ฮีบรู10:35-36 ในพระธรรมข้อนี้ เราจะพบการใช้อาวุธของทหารมาเป็นค า เปรียบเทียบถึงความมั่นใจ
“เพราะฉะนนั้ อย่าละทงิ้ความไวว้างใจของทา่ น อนัจะนา มาซ่งึบา เหนจ็ย่ิงใหญ่ 36ท่านทงั้หลาย จา เป็นตอ้งมีความทรหดอดทน เพอื่ ท่านจะสามารถทา ตามพระทยัของพระเจา้ได้แลว้ทา่ นก็จะ ไดร้บั ส่งิทที่ รงสญั ญาไวน้นั้” (ฮีบรู 10:35-36)
ยุทธภัณฑ์ของทหารชิ้นส าคัญชิ้นหนึ่งคือ โล่ของเขา ในวรรณกรรมกรีกความอัปยศที่สุดส าหรับทหารคือ การทิ้งโล่ของ เขาและหนีออกจากสนามรบโดยปราศจากโล่ เมื่อผู้เขียน พูดในที่นี่ว่า "อย่า (ละ) ทิ้ง" ผมเชื่อว่าเขาก าลังนึกถึงความอัปยศในการ ทิ้งโล่ของคุณ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่า “อย่าละทิ้งความมั่นใจซึ่งเป็นโล่ของท่าน อย่าทิ้งมันไป เพราะจะมีบ าเหน็จใหญ่รอท่านอยู่ หากท่านยึดความมั่นใจไว้ให้มั่น ”เราต้องก าโล่แห่งความมั่นใจของเรานั้นไว้ให้มั่นและต้องตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยมันไปไม่ว่าจะต้อง แลกด้วยอะไรก็ตาม
เมื่อมองไปข้างหน้า เราสามารถเห็นได้ว่า อนาคตมีทั้งความท้าทายและความน่ากลัว สันติสุขก าลังถูกคุกคามในทุกแห่ง ทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลงที่ท าให้เกิดวามวุ่นวาย และความไม่แน่นอนในแต่ละวัน กระนั้นก็ตาม เหนือสิ่งเหล่านี้ ในฐานะที่เรา เป็นคริสเตียน เรามีกษัตริย์ผู้ทรงมีแผนการและค าตอบส าหรับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงของเรา พระองค์ทรงเป็นผู้นั้นที่กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นทีล่ ีภ้ัยในยามทีเ่ราเผชิญพายุอาณาจักรที่พระองค์ทรงปกครองนั้นเป็นอาณาจักรทีไ่ ม่สั่นคลอน และ เราเองก็ถูกสร้างบนรากฐานซึ่งไม่สามารถถูกเคลื่อนไปได้
ดังนั้น เราสามารถน าพระสัญญาทุกข้อจากพระธรรมสุภาษิต 3:23-26 มาใช้กับตัวเราได้ ซึ่งเป็นพระสัญญาที่พระเจ้า ทรงมอบให้กับผู้ที่ให้พระเจ้าเป็นความมั่นใจของเขา:
“แลว้เจา้จะดา เนินในทางของเจา้อย่างปลอดภยั และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด เมื่อเจ้านอน เจ้า จะไม่หวาดผวา เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับสบาย อย่ากลวัความสยดสยองที่มาถึงอย่างฉบั พลัน หรือกลวัความย่อยยบั ทีม่ าถึงคนอธรรม เพราะพระยาห์เวห์จะเป็นความไว้วางใจของเจ้า และ จะทรงปกป้องเทา้ของเจา้จากการถูกจบั” (สุภาษิต 3:23-26)
รหัส: TL-L051-100-THA